ประกันชีวิตควบการลงทุน uDesign คุ้มครองมากกว่าใช้ชีวิตคุ้มค่ามากขึ้น


เวลาในแต่ละวันของทุกคนมีค่าเท่ากัน กิจกรรมที่เลือกทำ ก็ต้องเลือกที่ Enjoy ชีวิต มากกว่า ในแบบที่คุณเองก็ดีไซน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลากับครอบครัว ร้องเพลง ทำอาชีพในฝัน หรือออกกำลังกาย แต่กิจกรรมเยอะแค่ไหน ก็ต้องดูแลตัวเองให้มากกว่าเดิม เพราะอนาคตก็ไม่แน่นอน ยิ่งคนพิเศษอย่างคนในครอบครัว ยิ่งต้องดูแลด้วยความคุ้มครองที่มากกว่า

uDesign ประกันชีวิตควบการลงทุนจากเมืองไทยประกันชีวิต ที่ให้ความคุ้มครองมากกว่า ใช้ชีวิตคุ้มค่ามากขึ้น

จุดเด่นจะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถออกแบบความสุขของชีวิตได้ ด้วยการวางแผนให้ทุกช่วงชีวิตคุ้มค่ามากที่สุด กับ uDesign ประกันชีวิตควบการลงทุนจากเมืองไทยประกันชีวิต ที่จะทำให้คุณดีไซน์ชีวิตตัวเองได้คุ้มค่ามากกว่าที่เคย ด้วยการลงทุนที่ยืดหยุ่นได้มากกว่า หากอยากชำระเบี้ยประกันภัยส่วนที่เป็นเงินออม

เพิ่มเติม ถอนเงินลงทุนออกบางส่วน ปรับพอร์ตการลงทุน หรืออยากหยุดพักชำระเบี้ยประกันก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ยามเจ็บป่วยก็เบาใจเรื่องค่ารักษา ด้วยสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ ที่เบี้ยรวมคงที่ตลอดอายุสัญญา คุ้มครองครอบคลุมทั้งโรคโควิด 19 โรคอุบัติใหม่ โรคระบาด โรคร้ายแรง และโรคทั่วไป คุ้มครองชีวิตพร้อมดูแลสุขภาพยาว ๆ สูงสุดถึงอายุ 99 ปี(3) อยากใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ก็ต้องเลือกสิ่งที่ให้เราได้มากกว่า

เริ่มต้นธุรกิจ ด้วยแนวคิดคนรุ่นใหม่
อย่างแรกที่เราต้องถามตัวเองก่อนเริ่มทำธุรกิจ คือ เราอยากจะใช้ชีวิตอย่างไร อาจฟังดูไม่เกี่ยวข้องกันแต่ที่ต้องตั้งคำถามนี้กับตัวเองก่อน เพราะบางคนแค่ “อยากทำธุรกิจ” แต่ไม่ได้อยากเป็นนักธุรกิจ และบริหารธุรกิจจริงๆ จนสุดท้าย ก็ต้องปิดกิจการไป แต่ถ้าหากแน่ใจแล้วว่าต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่ไม่รู้จะ เริ่มต้นธุรกิจ ขายสินค้าหรือบริการอะไร ให้คิดถึงสิ่งที่เราถนัดว่า สามารถแก้ไขปัญหาอะไรให้กับลูกค้าได้บ้าง หากคิดออกและพร้อมชนทุกปัญหาแล้วล่ะก็ มาอ่านกันต่อได้เลยครับ

1. ต้องรู้จุดอ่อน จุดแข็ง ของสินค้าหรือบริการของเราคืออะไร
การรู้จุดอ่อนจุดแข็งของสินค้าและบริการของเราจะเป็นการกำหนดทิศทางของธุรกิจทั้งเรื่องของการโฆษณาสินค้า และบริการว่าควรนำอะไรมาเป็นจุดเด่นให้ลูกค้ารับรู้ และอะไรที่เป็นจุดอ่อน ควรแก้ไขเพื่อให้สินค้า/บริการดีขึ้น

2. กลุ่มเป้าหมายที่เราอยากให้เขาซื้อสินค้า หรือใช้บริการของเราคือใคร
นี่อาจเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะการที่เราสร้างสินค้า/บริการอย่างใดอย่างหนึ่งออกมาแต่ไม่รู้ว่าใครต้องการสินค้า/บริการของเรา คงเป็นเรื่องยากที่มากที่จะนำเสนอให้ตรงใจกับคนที่จะซื้อของเรา ดังนั้นควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายคร่าวๆ และค่อยๆเจาะลึกกลุ่มเป้าหมายไปทีละน้อยจนชัดเจน

3. ลูกค้าสามารถเข้าถึงเราได้อย่างไร
สำหรับข้อนี้ถ้าเป็นสมัยก่อนการทำให้ลูกค้าเข้าถึงเราได้ง่ายคงเป็นเรื่องของสถานที่ ทำเลที่ตั้ง แต่สำหรับธุรกิจสมัยใหม่คงจะเป็นเรื่องของ แพลตฟอร์ม หรือเว็บไซด์ หากสินค้า/บริการของเราได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่หน้าแรกๆ ของ แพลตฟอร์ม หรือเว็บไซด์ ลูกค้าก็จะสามารถเข้าถึงเราได้ง่ายขึ้น

4. ธุรกิจของเรามารถสร้างความมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้อย่างไรบ้าง
ถึงการทำธุรกิจสมัยใหม่จะเน้นหนักไปในทางออนไลน์มากกว่าหน้าร้าน แต่การประติสัมพันธ์กับลูกค้าก็ไม่ได้น้อยลงเลย เพราะลูกค้าสามารถเห็นและเข้ามาสอบถามถึงสินค้า/บริการของเราได้ตลอดเวลา

ดังนั้น การสร้างกิจกรรมให้ลูกค้ามีส่วนร่วม ถือเป็นอีกช่องทางที่ทำให้ลูกค้าเห็นร้านของเราได้มากขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ให้ลูกค้าใหม่ กลายเป็นลูกค้าประจำได้ในอนาคต

เริ่มต้นธุรกิจ ด้วยแนวคิดคนรุ่นใหม่-2
5. วัตถุดิบในการทำธุรกิจของเราคืออะไร
หากเราทำธุรกิจผลิตสินค้าขาย เราสามารถเลือกใช้วัตถุดิบที่เหมาะกับสินค้าเราเพื่อสร้างคุณภาพ และความแตกต่างกับสินค้าของบริษัทฯ อื่นได้อย่างไร

นอกจากนี้หากเรารู้จักวัตถุดิบที่หลากหลายเราอาจจะหาวัตถุดิบทดแทนเพื่อลดต้นทุนได้อีกด้วย

6. ขั้นตอนไหนสำคัญที่สุดในธุรกิจ
เราจำเป็นต้องรู้ขั้นตอนสำคัญไม่ว่าจะเป็นการผลิต การขนส่ง หรือการดูแลวัตถุดิบ เราจะได้รู้ว่าต้องใส่ใจขั้นตอนไหนเป็นพิเศษ เพื่อคุณภาพที่ดีของสินค้า/บริการ

7. รายได้หลักของเรามาจากอะไร
เราจะต้องรู้ให้แน่ชัดว่าธุรกิจของเราสร้างรายได้มาจากไหนเป็นหลัก การขายสินค้า การให้บริการ หรือการให้เช่าใช้ทรัพย์สิน เพื่อคำนวณรายได้ ต้นทุน และกำไรให้แม่นยำ

8. ใครคือคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของเรา
ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าการทำธุรกิจไม่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว ซึ่งคู่ค้าอาจจะหมายถึงแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ เว็บที่ให้บริการด้านต่างๆ โรงงานหรือร้านขายของทั่วๆ ไปก็ได้

9. ธุรกิจของเรามีต้นทุนอะไรบ้าง
นี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายๆ ธุรกิจทำพลาดจนขาดทุน เพราะการคำนวณต้นทุนไม่ใช่เพียงแค่นำเงินที่ลงทุนไปหักลบกับกำไรของสินค้าหรือบริการที่ได้มา แต่ต้องคำนวณถึงค่าแรง ค่าขนส่ง ค่าเสื่อม ค่าเสียเวลา ภาษี หรือค่าจิปาถะ อื่นๆ ที่เป็นค่าใช้จ่ายประจำด้วย

นอกจากนี้การใช้เงินกู้จากแบงค์เป็นต้นทุนก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่แย่ เพราะจะเป็นการดึงแบงค์ให้ลงมาช่วยเรารับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในการทำธุรกิจ และควรทำ รายรับ-รายจ่าย ของธุรกิจและค่าใช้จ่ายส่วนตัวแยกออกจากกันอย่างชัดเจน

10. ธุรกิจต่อยอดได้ไหม
หลังจากธุรกิจไปได้สวยแล้วเราอาจจะต้องคิดถึงขั้นตอนต่อไปด้วยว่า สามารถนำสินค้าไปแปรรูป หรือต่อยอดการบริการของเราได้หรือไม่

แต่ก็ขึ้นอยู่กับธุรกิจด้วยว่าเราอยู่ในสถานการณ์ไหนและควรทำอย่างไรต่อ ทั้งกรณี ที่ดีที่สุด (best case) กรณีที่แย่ที่สุด (worst case) และ กรณีเฉลี่ย (average case)

สรุป
จาก 10 ข้อ ที่กล่าวมา การทำธุรกิจจะต้องเกี่ยวกับการบริหารสิ่งต่างๆ รวมถึงคนด้วยเพราะธุรกิจไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว ถึงยุคนี้ลูกค้าจะเป็นคนเดินเข้าหาสินค้ามากกว่า และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการตลาดหากเป็นการทำธุรกิจแบบ B2C (Business to Customer) แต่สกิลการขายก็ยังจำเป็นอยู่ยิ่งเป็นธุรกิจแบบ B2B (Business to Business) การสกิลการขายยิ่งสำคัญ

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ลดหย่อนภาษีคำนวณอย่างไร
ในทุกๆ ปีคนไทยทุกคนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กำหนด ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จำเป็นต้องยื่นเพื่อแสดงรายได้และจ่ายภาษีให้กับกรมสรรพากร โดยใช้โครงสร้างภาษีที่ปรับเปลี่ยนตั้งแต่ในปี พ.ศ. 2560 ที่มีการเพิ่มค่าลดหย่อนภาษีใหม่หลายประเภท ดังนี้

ปรับอัตราภาษีในช่วงอัตราร้อยละ 30 และอัตราร้อยละ 35
เพิ่มวงเงินหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 50 แต่รวมกันต้องไม่เกิน 100,000 บาท
เพิ่มค่าลดหย่อนผู้มีเงินได้เป็น 60,000 บาท ค่าลดหย่อนคู่สมรส 60,000 บาท รวมทั้งค่าลดหย่อนบุตร ลดหย่อนได้ 30,000 บาทต่อคน และไม่จำกัดคน
กรณีที่สามี ภริยาต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ ให้หักลดหย่อนรวมกันได้ไม่เกิน 120,000 บาท
กองมรดก ให้หักลดหย่อนเพิ่มเป็น 60,000 บาท
โดยกฎหมายให้เราสามารถนำค่าใช้จ่ายบางรายการไปยื่นหักลดหย่อนภาษีก่อนคำนวณภาษีที่ต้องจ่ายได้ ซึ่งจะช่วยให้จ่ายภาษีน้อยลง และได้เงินคืนภาษีกลับมาด้วย ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ลองมาดูข้อมูลลดหย่อนภาษี สำหรับมนุษย์เงินเดือนกันก่อนเลย

มนุษย์เงินเดือนต้องเสียภาษีเท่าไหร่
โดยมีวิธีคำนวณ ดังนี้
รายรับทั้งปี – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = รายได้สุทธิ

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ลดหย่อนภาษีคำนวณอย่างไร-2
วิธีคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีกี่แบบ
ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มีด้วยกัน 2 แบบ คือ

1) ภ.ง.ด.90 คือ ผู้ที่มีรายได้นอกเหนือจากเงินเดือนที่ได้รับ เช่น ค้าขายแบบบุคคลธรรมดา เงินปันผล หรืออื่น ๆ
2) ภ.ง.ด.91 คือ ผู้ที่มีรายได้เป็นเงินเดือนเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีรายได้ทางอื่น
หมายเหตุ แม้มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีก็จำเป็นต้องยื่นแบบภาษีประจำปี ปีละ 1 ครั้ง

หลังจากที่รู้ตัวเลขที่คิดว่าต้องจ่ายภาษีแล้ว มาเข้าสู่ขั้นตอนของการหาเครื่องมือมาช่วยลดยอดเงินนั้นให้ น้อยลง หรือถ้าเราได้เครื่องมือที่ดี เราอาจจะได้เงินคืนอีกด้วย อันดับแรกคุณต้องรู้ก่อนว่าอะไรที่ลดหย่อน ได้ และไม่ได้บ้าง ซึ่งสำหรับประกันแล้ว ตามข้อมูลประกันสุขภาพ จะสามารถลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ ไม่เกิน 25,000 บาท

เบี้ยประกันชีวิตและเงินฝากประเภทสงเคราะห์ชีวิตลดหย่อนสูงสุดได้ไม่เกิน 100,000 บาท
ประกันบำนาญลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ หรือไม่เกิน 200,000 บาท
ประกันสุขภาพที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท
เบี้ยประกันสุขภาพของตัวเอง จ่ายตามจริงแต่ไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000
ในการลดหย่อนภาษีมีหลากหลายแบบให้คุณได้เลือกใช้ ซึ่งการเลือกใช้นั้นแนะนำให้เลือกที่เหมาะกับตัวเราเองมากที่สุด ทั้งในเรื่องของระยะเวลาการจ่ายเบี้ย ความคุ้มครอง และการรับเงินคืน

ท้ายที่สุดเมื่อเราเตรียมตัวยื่นภาษีมาอย่างดี ต้องเตรียมเอกสารให้ครบ หากทางกรมสรรพากรขอเอกสารเราจะต้องมีพร้อมยื่น และตรวจสอบระยะเวลาในการยื่นให้พร้อม ทางกรมสรรพากรจะเริ่มเปิดให้ยื่นช่วงวันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม และทำการผูกพร้อมเพย์ PromptPay ให้เรียบร้อยสำหรับการรับเงินภาษี ซึ่งช่องทางพร้อมเพย์ PromptPay จะช่วยให้ได้รับเงินคืนได้เร็ว

เริ่มต้นธุรกิจ ด้วยแนวคิดคนรุ่นใหม่
อย่างแรกที่เราต้องถามตัวเองก่อนเริ่มทำธุรกิจ คือ เราอยากจะใช้ชีวิตอย่างไร อาจฟังดูไม่เกี่ยวข้องกันแต่ที่ต้องตั้งคำถามนี้กับตัวเองก่อน เพราะบางคนแค่ “อยากทำธุรกิจ” แต่ไม่ได้อยากเป็นนักธุรกิจ และบริหารธุรกิจจริงๆ จนสุดท้าย ก็ต้องปิดกิจการไป แต่ถ้าหากแน่ใจแล้วว่าต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่ไม่รู้จะ เริ่มต้นธุรกิจ ขายสินค้าหรือบริการอะไร ให้คิดถึงสิ่งที่เราถนัดว่า สามารถแก้ไขปัญหาอะไรให้กับลูกค้าได้บ้าง หากคิดออกและพร้อมชนทุกปัญหาแล้วล่ะก็ มาอ่านกันต่อได้เลยครับ

1. ต้องรู้จุดอ่อน จุดแข็ง ของสินค้าหรือบริการของเราคืออะไร
การรู้จุดอ่อนจุดแข็งของสินค้าและบริการของเราจะเป็นการกำหนดทิศทางของธุรกิจทั้งเรื่องของการโฆษณาสินค้า และบริการว่าควรนำอะไรมาเป็นจุดเด่นให้ลูกค้ารับรู้ และอะไรที่เป็นจุดอ่อน ควรแก้ไขเพื่อให้สินค้า/บริการดีขึ้น

2. กลุ่มเป้าหมายที่เราอยากให้เขาซื้อสินค้า หรือใช้บริการของเราคือใคร
นี่อาจเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะการที่เราสร้างสินค้า/บริการอย่างใดอย่างหนึ่งออกมาแต่ไม่รู้ว่าใครต้องการสินค้า/บริการของเรา คงเป็นเรื่องยากที่มากที่จะนำเสนอให้ตรงใจกับคนที่จะซื้อของเรา ดังนั้นควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายคร่าวๆ และค่อยๆเจาะลึกกลุ่มเป้าหมายไปทีละน้อยจนชัดเจน

3. ลูกค้าสามารถเข้าถึงเราได้อย่างไร
สำหรับข้อนี้ถ้าเป็นสมัยก่อนการทำให้ลูกค้าเข้าถึงเราได้ง่ายคงเป็นเรื่องของสถานที่ ทำเลที่ตั้ง แต่สำหรับธุรกิจสมัยใหม่คงจะเป็นเรื่องของ แพลตฟอร์ม หรือเว็บไซด์ หากสินค้า/บริการของเราได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่หน้าแรกๆ ของ แพลตฟอร์ม หรือเว็บไซด์ ลูกค้าก็จะสามารถเข้าถึงเราได้ง่ายขึ้น

4. ธุรกิจของเรามารถสร้างความมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้อย่างไรบ้าง
ถึงการทำธุรกิจสมัยใหม่จะเน้นหนักไปในทางออนไลน์มากกว่าหน้าร้าน แต่การประติสัมพันธ์กับลูกค้าก็ไม่ได้น้อยลงเลย เพราะลูกค้าสามารถเห็นและเข้ามาสอบถามถึงสินค้า/บริการของเราได้ตลอดเวลา

ดังนั้น การสร้างกิจกรรมให้ลูกค้ามีส่วนร่วม ถือเป็นอีกช่องทางที่ทำให้ลูกค้าเห็นร้านของเราได้มากขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ให้ลูกค้าใหม่ กลายเป็นลูกค้าประจำได้ในอนาคต

เริ่มต้นธุรกิจ ด้วยแนวคิดคนรุ่นใหม่-2
5. วัตถุดิบในการทำธุรกิจของเราคืออะไร
หากเราทำธุรกิจผลิตสินค้าขาย เราสามารถเลือกใช้วัตถุดิบที่เหมาะกับสินค้าเราเพื่อสร้างคุณภาพ และความแตกต่างกับสินค้าของบริษัทฯ อื่นได้อย่างไร

นอกจากนี้หากเรารู้จักวัตถุดิบที่หลากหลายเราอาจจะหาวัตถุดิบทดแทนเพื่อลดต้นทุนได้อีกด้วย

6. ขั้นตอนไหนสำคัญที่สุดในธุรกิจ
เราจำเป็นต้องรู้ขั้นตอนสำคัญไม่ว่าจะเป็นการผลิต การขนส่ง หรือการดูแลวัตถุดิบ เราจะได้รู้ว่าต้องใส่ใจขั้นตอนไหนเป็นพิเศษ เพื่อคุณภาพที่ดีของสินค้า/บริการ

7. รายได้หลักของเรามาจากอะไร
เราจะต้องรู้ให้แน่ชัดว่าธุรกิจของเราสร้างรายได้มาจากไหนเป็นหลัก การขายสินค้า การให้บริการ หรือการให้เช่าใช้ทรัพย์สิน เพื่อคำนวณรายได้ ต้นทุน และกำไรให้แม่นยำ

8. ใครคือคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของเรา
ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าการทำธุรกิจไม่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว ซึ่งคู่ค้าอาจจะหมายถึงแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ เว็บที่ให้บริการด้านต่างๆ โรงงานหรือร้านขายของทั่วๆ ไปก็ได้

9. ธุรกิจของเรามีต้นทุนอะไรบ้าง
นี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายๆ ธุรกิจทำพลาดจนขาดทุน เพราะการคำนวณต้นทุนไม่ใช่เพียงแค่นำเงินที่ลงทุนไปหักลบกับกำไรของสินค้าหรือบริการที่ได้มา แต่ต้องคำนวณถึงค่าแรง ค่าขนส่ง ค่าเสื่อม ค่าเสียเวลา ภาษี หรือค่าจิปาถะ อื่นๆ ที่เป็นค่าใช้จ่ายประจำด้วย

นอกจากนี้การใช้เงินกู้จากแบงค์เป็นต้นทุนก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่แย่ เพราะจะเป็นการดึงแบงค์ให้ลงมาช่วยเรารับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในการทำธุรกิจ และควรทำ รายรับ-รายจ่าย ของธุรกิจและค่าใช้จ่ายส่วนตัวแยกออกจากกันอย่างชัดเจน

10. ธุรกิจต่อยอดได้ไหม
หลังจากธุรกิจไปได้สวยแล้วเราอาจจะต้องคิดถึงขั้นตอนต่อไปด้วยว่า สามารถนำสินค้าไปแปรรูป หรือต่อยอดการบริการของเราได้หรือไม่

แต่ก็ขึ้นอยู่กับธุรกิจด้วยว่าเราอยู่ในสถานการณ์ไหนและควรทำอย่างไรต่อ ทั้งกรณี ที่ดีที่สุด (best case) กรณีที่แย่ที่สุด (worst case) และ กรณีเฉลี่ย (average case)

สรุป
จาก 10 ข้อ ที่กล่าวมา การทำธุรกิจจะต้องเกี่ยวกับการบริหารสิ่งต่างๆ รวมถึงคนด้วยเพราะธุรกิจไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว ถึงยุคนี้ลูกค้าจะเป็นคนเดินเข้าหาสินค้ามากกว่า และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการตลาดหากเป็นการทำธุรกิจแบบ B2C (Business to Customer) แต่สกิลการขายก็ยังจำเป็นอยู่ยิ่งเป็นธุรกิจแบบ B2B (Business to Business) การสกิลการขายยิ่งสำคัญ

ประโยชน์ของการทำสมาธิ เพื่อสุขภาพกายและจิตดีขึ้นอย่างไร
Published February 6, 2023
การทำสมาธิ คืออะไร
การทำสมาธิ คือ เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดในการทำให้จิตใจให้สงบ ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้กันมานานนับพันปี โดยเราต้องจดจ่อกับลมหายใจจนกว่าร่างกายและจิตใจจะรู้สึกถึงความสงบนิ่ง

ประโยชน์ของการทำสมาธิมีอะไรบ้าง
ประโยชน์การทำสมาธิ คือ สามารถลดความเครียด และความวิตกกังวลลงได้ เมื่อเราเครียด ร่างกายของเราจะปล่อยสารคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สามารถนำไปสู่ผลเสียต่อสุขภาพหลายอย่าง ทั้งน้ำหนักเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตสูง และระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ การทำสมาธิสามารถช่วยลดระดับสารคอร์ติซอล (Cortisol) ที่อาจจะนำไปสู่ความเครียดและความวิตกกังวล

นอกจากนี้ การทำสมาธิยังสามารถช่วยเหลือเรื่องอาการสมาธิสั้นได้อีกด้วย เมื่อเรานั่งสมาธิ แสดงว่าเรากำลังฝึกจิตใจให้จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ ซึ่งการที่เราทำสมาธิให้การจดจ่อได้ยาวนานจะทำให้เรามีความรอบครอบในการทำสิ่งต่างๆมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องงานเท่านั้นแต่รวมถึงการใช้ชีวิตในด้านอื่นๆ ของเราด้วย เช่น มีสมาธิในการจดจำเนื้อหาสำหรับทำวิจัย มีสมาธิในการฝึกซ้อมกีฬา มีสมาธิในการคิดและสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบและโฆษณา เป็นต้น

การทำสมาธิยังสามารถทำให้สุขภาพจิตแข็งแรงขึ้น ช่วยเรื่องการปรับอารมณ์ และเรียบเรียงความความคิดให้เป็นระบบได้อีกด้วย

การทำสมาธิทำอย่างไร
ซึ่งการทำสมาธิไม่จำเป็นต้องอยู่ในท่านั่งสมาธิเสมอไป แต่สามารถทำสมาธิในท่านอนก็ได้ และการทำสมาธิในท่านอนนั้นหากเราทำก่อนเวลาเข้านอนจะทำให้เราหลับได้เร็วขึ้น และนอนหลับสนิทตลอดคืน

การทำสมาธิเป็นวิธีที่ดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตได้ง่าย ๆ ทำได้ทุกที่ โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์แต่อย่างใด เพียงแค่ต้องมีสถานที่สงบ ๆ สำหรับการนั่งหรือนอนทำสมาธิ ให้สามารถจดจ่อกับลมหายใจได้ก็พอแล้ว

อนาคต การทำงาน อาชีพ และ ปัญญาประดิษฐ์
ปัจจุบันในประเทศไทยปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เป็นที่แพร่หลายในโรงงาน และบริษัทฯ บางแห่งเท่านั้น ในขณะที่บางประเทศกลับมีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI อย่างแพร่หลาย และกำลังเปลี่ยนแปลงตลาดงานอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้ปัญญาประดิษฐ์ทำงานที่เป็นอัตโนมัติ รวมไปถึงการทำงานแนวสร้างสรรค์บางรูปแบบด้วย ทำให้ผู้ประกอบอาชีพแรงงานหลาย ๆ อาชีพเริ่มถูกแย่งงาน แต่ก็เป็นการสร้างโอกาสให้อาชีพใหม่ ๆ ด้วยเช่นกัน

ในด้านระบบเครื่องจักรอัตโนมัติ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังถูกนำเข้ามาใช้เพื่อทำสิ่งต่างๆ แทนมนุษย์มากขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนการบริการลูกค้า การป้อนข้อมูล การผลิต รวมไปถึงการขนส่ง เพราะระบบอัตโนมัติมีประสิทธิภาพมากกว่า และมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการจ้างแรงงานคน จึงทำให้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) นำไปสู่การสูญเสียงานของคนบางกลุ่มที่สามารถถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรได้

แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรมองว่า AI จะเป็นสิ่งที่มาทำลายอาชีพของคนทุกคนซะทีเดียว เพราะ AI นั้นก็สร้างโอกาส และสร้างอาชีพในการทำงานใหม่ๆ ให้เช่นกัน โดยเฉพาะในสาขาวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) และแมชชีนเลิร์นนิง (Machine learning) เพราะเมื่อ AI แพร่หลายมากขึ้น จึงมีความต้องการพนักงานที่สามารถออกแบบ พัฒนา และบำรุงรักษาระบบ AI เพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่งานเหล่านี้มักต้องการทักษะทางเทคนิคขั้นสูง และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับแมชชีนเลิร์นนิง เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลและสอน AI นั้นเอง

นอกเหนือจากงานที่เกี่ยวข้องกับ AI โดยตรงแล้ว การนำ AI มาใช้ในวงกว้างยังนำไปสู่การสร้างอาชีพ และอุตสาหกรรมใหม่ ๆ อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อ AI เข้ามามีส่วนร่วมกับภาคส่วนอื่น ๆ หรืออาชีพต่าง ๆ มากขึ้น ตลาดงานก็จะมีความต้องการผู้เชี่ยวชาญที่สามารถเข้าใจและนำ AI มาประยุกต์ใช้ให้ถูกต้องตามจริยธรรมได้ หรืออาจจะเป็นอาชีพที่สามารถช่วยเหลือองค์กรต่างๆ ในด้านการกำกับดูแลการใช้ AI ก็ได้

การนำ AI มาประยุกต์ใช้ในอาชีพการงานก็ถือเป็นส่วนสำคัญในการนำไปสู่การพัฒนาทักษะความเชี่ยวชาญได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งในอนาคตคนที่สามารถทำงานร่วมกับ AI ได้จะเป็นที่ต้องการมากในตลาดงาน แม้ว่าในอนาคต การเขียนโปรแกรม การวิเคราะห์ข้อมูลจะมีความสำคัญมาก แต่ทักษะการสร้างอารมณ์ให้ AI ก็มีความจำเป็นไม่แพ้กัน เช่น การคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหา และการสื่อสาร ในขณะที่ AI กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องและซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ทักษะประเภทนี้ถือว่ามีความสำคัญมาก ๆ และจะสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย

uDesign ประกันชีวิตควบการลงทุน อนาคตเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน Healthy แค่ไหน ก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับคนพิเศษ uDesign ออกแบบความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ ด้วยเบี้ยรวมคงที่ตลอดสัญญา คุ้มครองมากกว่า ใช้ชีวิตคุ้มค่ามากขึ้น ตอบโจทย์ทุกช่วงชีวิตของคุณและครอบครัว สามารถ ดีไซน์ ปรับ เพิ่ม ถอน ให้ตรงความต้องการได้ พร้อมดูแลสุขภาพกันยาว ๆ จนถึงอายุ 99 ปี(3)

เลือกซื้อทุนประกันหรือความคุ้มครองที่สูงกว่าได้ตามใจในค่าเบี้ยที่เท่ากัน

หากซื้อสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพแนบท้าย เบี้ยประกันภัยรวมคงที่ตลอดสัญญา

คล่องตัวได้มากกว่า อยากหยุดพักชำระเบี้ย ก็ทำได้ง่าย ๆ แต่ยังคงได้รับความคุ้มครองอยู่

กรมธรรม์มีความยืดหยุ่น อยากปรับ เพิ่ม ถอน หรือ หยุดพักชำระเบี้ย ก็ทำได้ตามต้องการ ตอบโจทย์ทุก Lifestyle ที่คุณเป็น

คุ้มครองชีวิต พร้อมดูแลสุขภาพยาวๆ ถึงอายุ 99 ปี(3)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *