ประกันสุขภาพเหมาจ่าย เมืองไทยประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี ประกันคุ้มครองชีวิต ประกันชีวิตควบคู่การลงทุน ประกันตลอดชีพ ประกันสะสมทรัพย์ ลดหย่อนภาษีสูงสุด ประกันบำนาญ
ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ของสาขาธนาคารต่างประเทศ
วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน 2557 | ฉบับที่ 51 / 2557
ก.ล.ต. กำหนดให้สาขาธนาคารต่างประเทศที่ออกและเสนอขายตราสารหนี้เน้นเปิดเผยข้อมูลของสาขาไว้ในแบบ filing และงบการเงิน พร้อมใช้ credit rating ของทั้งสาขาและธนาคารต่างประเทศ (สำนักงานใหญ่) เพื่อให้สะท้อนความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ออกตราสารหนี้อย่างแท้จริง
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับตลาดทุนเห็นชอบแก้ไขหลักเกณฑ์การอนุญาตออกและเสนอขายตราสารหนี้และการเปิดเผยข้อมูลของสาขาธนาคารต่างประเทศ โดยสาขาธนาคารต่างประเทศที่ออกและเสนอขายตราสารหนี้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวจะต้องเปิดเผยข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูล (แบบ filing) และเปิดเผยข้อมูลภายหลังการเสนอขาย ซึ่งได้แก่ งบการเงินและแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (ถ้ามี) โดยเน้นข้อมูลของสาขาเป็นหลัก เพื่อให้สอดคล้องกับความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ออก รวมทั้งจะต้องเปิดเผยสรุปข้อมูลการประกอบธุรกิจและฐานะการเงินที่สำคัญของสำนักงานใหญ่ และข้อมูลเกี่ยวกับข้อจำกัดของกฎหมายในด้านต่าง ๆ เช่น ความเสี่ยงที่ผู้ถือตราสารหนี้อาจไม่สามารถขอรับชำระหนี้จากทรัพย์สินของสำนักงานใหญ่ได้ หรือสำนักงานใหญ่อาจดึงกำไรหรือเงินทุนจากสาขากลับไปที่สำนักงานใหญ่ได้ เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลอย่างเพียงพอสำหรับการตัดสินใจลงทุน
นอกจากนี้ สาขาธนาคารต่างประเทศต้องจัดอันดับและเปิดเผยอันดับความน่าเชื่อถือของสาขาในการออกและเสนอขายตราสารหนี้ รวมทั้งเปิดเผยอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารต่างประเทศโดยรวม ยกเว้นการเสนอขายตราสารหนี้ระยะสั้นของสาขาที่มีฐานะทางการเงินดีและมีเงินกองทุนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดสามารถใช้อันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารต่างประเทศโดยรวม (issuer rating) ได้ และในทุกกรณีต้องมีคำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของกฎหมายให้ชัดเจน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้ลงทุนเช่นกัน
?หากสาขาธนาคารต่างประเทศเป็นผู้ออกเสนอขายตราสารหนี้ ผู้ลงทุนจะรับความเสี่ยงด้านเครดิตของสาขานั้นมากกว่าของสำนักงานใหญ่ เนื่องจากข้อจำกัดในด้านกฎหมายล้มละลาย ดังนั้น ก.ล.ต. จึงกำหนดให้สาขาธนาคารต่างประเทศที่เสนอขายตราสารหนี้ต้องเปิดเผยข้อมูลให้ครบถ้วนยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลที่สอดคล้องกับความเสี่ยงจากการลงทุนนั้น และสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างเหมาะสม? นายวรพล กล่าว
ก.ล.ต. เตือนผู้ถือหุ้น GOLD และ UV เกี่ยวกับราคาประเมินทรัพย์สินที่จะขายให้แก่บุคคลที่เกี่ยวโยงกัน
วันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2557 | ฉบับที่ 52 / 2557
ก.ล.ต. เตือนผู้ถือหุ้น GOLD และ UV ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับราคาประเมินทรัพย์สินที่ จะขายให้แก่บุคคลที่เกี่ยวโยงกัน ก่อนใช้สิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นในวันจันทร์ที่ 21 เมษายน 2557 นี้
ตามที่บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (“GOLD”) บริษัทย่อยของบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) (“UV”) จะขายที่ดิน 35 แปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนวน 11 รายการ ให้แก่บริษัท สิริทรัพย์พัฒนา จำกัด ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับ GOLD และ UV ในราคา 980 ล้านบาท โดยคณะกรรมการ คณะกรรมการตรวจสอบ และที่ปรึกษาทางการเงินของ GOLD และ UV มีความเห็นไปในแนวทางเดียวกันว่าเป็นราคาซื้อขายที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินกิจการของ GOLD
ก.ล.ต. มีข้อสังเกตเกี่ยวกับความเหมาะสมของการประเมินราคาทรัพย์สิน ตลอดจนวิธีวิเคราะห์ทรัพย์สินด้วยการให้คะแนนตามระดับคุณภาพ? และความเหมาะสมของทรัพย์สินที่นำมาใช้เปรียบเทียบ รวมทั้งการวิเคราะห์สภาพปัจจุบันของทรัพย์สิน ซึ่งในขณะนี้ อยู่ระหว่างให้ GOLD และ UV ชี้แจงความสมเหตุสมผลของรายงานประเมินประกอบการพิจารณารายการซื้อขายดังกล่าว โดยจะให้เปิดเผย
คำชี้แจงผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป
โดยที่ รายการดังกล่าวต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง ไม่นับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย? ก.ล.ต.จึงขอให้ผู้ถือหุ้น GOLD และ UV ศึกษาข้อมูลโดยละเอียดและใช้สิทธิเพื่อรักษาประโยชน์ของตนเอง พร้อมตั้งข้อซักถามผู้บริหารบริษัท เพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนประกอบการตัดสินใจ??
ก.ล.ต. ประกันสุขภาพเหมาจ่าย เปิดรับฟังความคิดเห็นปรับปรุงแบบรายงานโดยบริษัทจัดการ
วันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2557 | ฉบับที่ 53 / 2557
ก.ล.ต. มีแนวคิดที่จะแก้ไขแบบรายงานที่จัดทำโดยบริษัทจัดการ ซึ่งเสนอปรับปรุงเพิ่มเติมจากการรับฟังความคิดเห็นเมื่อปลายปี 2556 โดยในครั้งนี้จะยกเลิกรายงานการรับฝากทรัพย์สินของกองทุนส่วนบุคคล เนื่องจากผู้รับฝากทรัพย์สินไม่ได้ mark to market แต่บริษัทจัดการเป็นผู้ดำเนินการ จึงให้บริษัทจัดการเป็นผู้จัดทำและจัดส่งข้อมูลดังกล่าว เพื่อจะได้ข้อมูลที่สะท้อนมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนที่ถูกต้อง รวมถึงทบทวนการเปิดเผยข้อมูลการลงทุนของกองทุนรวม เพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้ลงทุน ในเรื่องความถี่และรายละเอียดของข้อมูล ซึ่งจะเป็นไปตามแนวทางสากลมากขึ้น
ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. (www.sec.or.th) จึงขอเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือโทรสาร 0-2263-6301 หรือทาง e-mail ที่subhara@sec.or.th จนถึงวันที่ 28 เมษายน 2557
ก.ล.ต. ผนึก 7 หน่วยงานภาครัฐและเอกชนเปิดโครงการ ?หุ้นนวัตกรรมและสร้างสรรค์ ความภูมิใจของไทย?
วันจันทร์ที่ 21 เมษายน 2557 | ฉบับที่ 54 / 2557
ก.ล.ต. ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมหน่วยบ่มเพาะธุรกิจและอุทยานวิทยาศาสตร์ไทย สมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน ชมรมวาณิชธนกิจ ผู้สอบบัญชีที่เข้าร่วมโครงการ และสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ เปิดโครงการ ?หุ้นนวัตกรรมและสร้างสรรค์ ความภูมิใจของไทย? เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจกลุ่มนวัตกรรมและสร้างสรรค์เข้าถึงแหล่งเงินทุนจากตลาดทุน โดยผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2557
การเปิดโครงการ ?หุ้นนวัตกรรมและสร้างสรรค์ ความภูมิใจของไทย? ในครั้งนี้ มุ่งหวังจะเป็นการจุดประกายให้ธุรกิจที่เสนอสินค้าและบริการโดยอาศัยการวิจัย พัฒนา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึงธุรกิจที่ใช้องค์ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปวัฒนธรรม หรือความคิดสร้างสรรค์ เช่น อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ คอนเทนต์และแอนิเมชั่น เป็นต้น ให้หันมาสนใจและเห็นโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากตลาดทุน โดยการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการระดมทุนและการเตรียมความพร้อมก่อนระดมทุน เพื่อนำ ?ศาสตร์? และ ?ศิลป์? มาใช้สร้างสรรค์ผลงานด้วยการผลิตสินค้าและบริการที่สร้างคุณค่าหรือมูลค่าเพิ่ม และเป็นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ?
นายวรพล โสคติยานุรักษ์? เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ?โครงการนี้เป็นหนึ่งในแผนกลยุทธ์ของ ก.ล.ต. ที่ต้องการให้ภาคธุรกิจกลุ่มเป้าหมายมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่อาศัยการวิจัย พัฒนา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และองค์ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปวัฒนธรรม หรือความคิดสร้างสรรค์ เพราะเป็นธุรกิจที่ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ เป็นกำลังสำคัญที่จะเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้า
และสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจ ช่วยยกระดับให้เข้าสู่เศรษฐกิจที่เพิ่มคุณค่า และเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศ จนกลายเป็นประเทศที่มีรายได้สูงได้ในที่สุด?
นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล? ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า ?การมีรากฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะวิทยาศาสตร์เป็นกำลังในการสร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน เมื่อนำไปประยุกต์ใช้กับต้นทุนของประเทศไทยที่เด่นด้านความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินและความหลากหลายทางชีวภาพ จะทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนในครั้งนี้เป็นการสร้างโอกาสให้ธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุน พร้อมไปกับการยกระดับคุณภาพการบริหารงาน เพราะนั่นหมายถึงการสร้างโอกาสให้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทำหน้าที่ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศได้อย่างแท้จริง?
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์? รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ?Innovation และ Creativity สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและโอกาสทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งการสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการดังกล่าวให้มีโอกาสเติบโตและเข้าถึงแหล่งระดมทุนเป็นภารกิจที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โครงการของสำนักงาน ก.ล.ต. ในครั้งนี้ถือว่ามีส่วนช่วยสนับสนุนและพัฒนาผู้ประกอบการให้มีความพร้อมในการเข้าระดมทุนมากยิ่งขึ้น ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือและสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่?
นางสุวิภา วรรณสาธพ? นายกสมาคมหน่วยบ่มเพาะธุรกิจและอุทยานวิทยาศาสตร์ไทย กล่าวว่า ?สมาคม Thai-BISPA และเครือข่ายหน่วยบ่มเพาะธุรกิจและอุทยานวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศกว่า 30 แห่งมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมที่นำเอาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผนวกเข้ากับความคิดสร้างสรรค์เป็นทุนในการผลิตสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่า สร้างความโดดเด่น ดึงดูดใจกลุ่มลูกค้าและนักลงทุนให้เติบโตเข้มแข็ง และการต่อเชื่อมกับโครงการ ?หุ้นนวัตกรรมและสร้างสรรค์ ความภูมิใจของไทย?ในครั้งนี้จะเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและพัฒนาความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาลของผู้ประกอบการไทย เพื่อเตรียมความพร้อมในการระดมทุนต่อไปในอนาคตได้อย่างดี?
นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์? นายกสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน กล่าวว่า ?นวัตกรรมและการสร้างสรรค์คือการสร้างความคิดเพื่อให้เกิดบริษัทใหม่ สินค้าใหม่ การบริการใหม่ หรือขบวนการในการผลิตใหม่ ๆ? ในการแข่งขันทางธุรกิจที่นับจะเพิ่มขึ้นทุกวัน นวัตกรรมและการสร้างสรรค์ใหม่จะทำให้เกิดรายได้และผลกำไรที่มากขึ้นซึ่งสำหรับนักลงทุนแล้ว นั่นคือหัวใจในการลงทุน?
นายนรเชษฐ์ แสงรุจิ? ประธานกรรมการชมรมวาณิชธนกิจ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า ?นวัตกรรมและสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการสร้างความสามารถในการแข่งขัน การสนับสนุนให้ธุรกิจนวัตกรรมและสร้างสรรค์ในประเทศมีโครงสร้างเงินทุนที่เหมาะสมและเพียงพอ เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจให้มั่นคงและยั่งยืน สมาชิกของชมรมวาณิชธนกิจในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินพร้อมที่จะสนับสนุนและให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการดังกล่าวในการปรับโครงสร้างธุรกิจ โครงสร้างเงินทุน รวมถึงการระดมทุนจากประชาชน เพื่อให้มีศักยภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ซึ่งในที่สุดจะสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ และเป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจให้กับนักลงทุน?
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์? เลขาธิการสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ กล่าวว่า ?สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีที่ได้เห็นตลาดทุนไทยภายใต้ความริเริ่มของสำนักงาน ก.ล.ต. ให้การต้อนรับ ?กลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์? ซึ่งอันที่จริงก็พอจะกล่าวเป็น ?นวัตกรรม? อีกอย่างหนึ่งด้วย งานสำรวจวิจัยล่าสุดในไทยที่มีอยู่ชี้ให้เห็นว่า มูลค่ารายได้รวมของอุตสาหกรรมหมวดภาพยนตร์ มีสูงถึง 26,992 ล้านบาท? อุตสาหกรรมเพลงและคาราโอเกะมีสูงถึง 12,397 ล้านบาท? อุตสาหกรรมเกมนั้นยิ่งสูงถึง 32,499 ล้านบาท? ส่วนแอนิเมชั่น ซึ่งมีฐานที่จะเติบโตได้อีกมาก เพิ่งจะเริ่มต้นด้วยมูลค่า 5,623 ล้านบาท? ดังนั้น ภายใต้ยุคของทีวีดิจิตอลและเทคโนโลยี 3G สู่ 4G ?อุตสาหกรรมสร้างสรรค์? ข้างต้น จะยิ่งทวีความสำคัญทั้งในเชิงมูลค่าและคุณค่า?
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ หากท่านเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม หรือนำองค์ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปวัฒนธรรม หรือความคิดสร้างสรรค์ เป็นหลักในการประกอบธุรกิจ และสามารถสร้างคุณค่าหรือมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการ ดำเนินธุรกิจมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ปี และในงบการเงินงวดปีล่าสุด มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วและส่วนของผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาทหรือมีผลกำไร หรือมีกำไรสะสม อย่างใดอย่างหนึ่ง สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ โดยกิจการที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการจะได้รับการอบรมความรู้เกี่ยวกับตลาดทุน คำแนะนำจากหน่วยงานพันธมิตรได้พบปะและแลกเปลี่ยนมุมมองทางธุรกิจกับผู้ประกอบการที่สนใจร่วมลงทุน นอกจากนี้ จะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขออนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์และคำขอจดทะเบียนหลักทรัพย์ หากสามารถยื่นคำขออนุญาตต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ ภายในปี 2558 หรือได้รับสิทธิประโยชน์อื่นจากหน่วยงานพันธมิตร
ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.sec.or.th/inno? และยื่นใบสมัครได้ที่สำนักงาน ก.ล.ต. ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ส่งเสริมการระดมทุน โทร. 1207 กด 2 หรือ 08-1931-4999
เสริมความมั่นใจไปกับประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย คุ้มครอง โรคร้ายแรง โรคทั่วไป และอุบัติเหตุ เลือกแผนความคุ้มครองได้ตามต้องการตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 100,000,000 บาท สมัครได้ถึงอายุ 90 ปี คุ้มครองสุขภาพยาว ๆ ต่อเนื่องถึงอายุ 99 ปี* พร้อมลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี
ตัวอย่างค่าเบี้ย เพศหญิงอายุ 35 ปี สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง วันละไม่ถึง 59 บาท
เลือกความคุ้มครองสุขภาพ ดี เฮลท์ พลัส แผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท
โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบครั้งใดครั้งหนึ่ง และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
เลือกประกันสุขภาพเหมาจ่าย เลือกเมืองไทยประกันชีวิต
ไม่ว่าอาชีพอะไร ไลฟ์สไตล์แบบไหน
เมืองไทยประกันชีวิตเข้าใจทุกความต้องการในแบบคุณ
*เฉพาะสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ อีลิท เฮลท์ พลัส หรือแบบ ดี เฮลท์ พลัส
สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ ต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่
ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
เงื่อนไขเป็นไปตามมาตรฐานและความจำเป็นทางการแพทย์
เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตและธนาคารกำหนด
โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
เสริมความมั่นใจด้วยประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย คุ้มครอง โรคร้ายแรง โรคทั่วไป และอุบัติเหตุ เลือกแผนความคุ้มครองได้ตามต้องการตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 100,000,000 บาท สมัครได้ถึงอายุ 90 ปี* คุ้มครองสุขภาพยาว ๆ ต่อเนื่องถึงอายุ 99 ปี* พร้อมลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี
ตัวอย่างค่าเบี้ย เพศหญิงอายุ 35 ปี วันละไม่ถึง 59 บาท
เลือกความคุ้มครองสุขภาพ ดี เฮลท์ พลัส แผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท
โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบครั้งใดครั้งหนึ่ง และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
เลือกประกันสุขภาพเหมาจ่าย เลือกเมืองไทยประกันชีวิต
Whatever’s Next, MTL’s NEXT to You
พร้อมพัฒนาในทุกด้าน เพื่อก้าวเดินไปพร้อมคุณ
เสริมความมั่นใจไปกับ เหมาจ่าย เอ็กซ์ตร้า คุ้มครองทั้งโรคร้ายแรง โรคระบาด โรคฝีดาษลิง โรคอุบัติใหม่ โรคทั่วไป และอุบัติเหตุ พร้อมดูแลค่ารักษาแบบเหมาจ่ายครึ่งล้าน(1) เบี้ยวันละไม่ถึง 42 บาท(2)
ซื้อความคุ้มครองเพิ่มได้ ทั้งชดเชยรายวัน คุ้มครองกรณีผู้ป่วยนอก OPD หรือคุ้มครองโรคร้าย Multiple CI ก็เลือกได้ตามใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาหรือสูญเสียรายได้หากต้องลาหยุด เลือกจ่ายแบบรายเดือนได้สบาย ๆ ตามที่ไหว
คุ้มครองแบบเหมาจ่ายตามจริง 500,000 บาท(1)
ค่าห้อง 4,000 บาทต่อวัน(1) และรับเพิ่ม 2 เท่า หากเข้าพักในห้อง ICU
คุ้มครองเยอะขนาดนี้ แต่จ่ายเบี้ยประกันภัยแบบสบายๆ เลือกจ่ายแบบรายเดือนก็ได้
ซื้อวันนี้ผ่อนค่าเบี้ยสบาย ๆ 0% นานสูงสุด 6 เดือน หรือรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13%
(1) สำหรับแผนความคุ้มครอง 3 โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่ง
(2) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง 30 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 3 และชำระเบี้ยประกันรายปี
โครงการเหมาจ่าย เอ็กซ์ตร้า เป็นชื่อทางการตลาดของสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพ แบบ เอ็กตร้าแคร์ (N)
ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
เงื่อนไขเป็นไปตามมาตรฐานและความจำเป็นทางการแพทย์
เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตและธนาคารกำหนด
โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
นายศักดา ถิระโสภณ ผู้วิจัยจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า งานวิจัยนี้ มุ่งเน้นตอบปัญหาในสองประเด็น ประเด็นแรกคือการตรวจสอบผลการตอบสนองของราคาหุ้นสามัญ เมื่อบริษัทจดทะเบียนมีการประกาศออกหุ้นกู้ ด้วยวิธีศึกษาเหตุการณ์และประเด็นที่สองคือ การอธิบายผลการตอบสนองข้างต้นว่าเป็นไปตามทฤษฎีทางการเงินทฤษฏีใด ด้วยแบบจำลอง Multiple Regression โดยใช้ข้อมูลของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระหว่าง พ.ศ. 2547 – 2556 เป็นกลุ่มตัวอย่าง จากการศึกษาพบว่า ตลาดหุ้นมีการตอบสนองต่อการออกหุ้นกู้ในทางบวกโดยเกิดกำไรเกินปกติ และการตอบสนองของเหตุการณ์ เป็นไปตามทฤษฎีการชั่งน้ำหนักระหว่างผลประโยชน์และผลเสียจากการก่อหนี้ กล่าวคือ หากการออกหุ้นกู้ของบริษัทได้รับผลประโยชน์มากกว่าผลเสีย ตลาดหุ้นจะตอบสนองต่อการออกหุ้นกู้ในทางบวก ในทางตรงกันข้าม หากการออกหุ้นกู้ครั้งนั้นมีผลเสียมากกว่า ราคาหุ้นจะมีการตอบสนองต่อการออกหุ้นกู้ในทางลบ การศึกษานี้ จึงเป็นประโยชน์แก่บริษัทจดทะเบียนในการให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจระดมทุนที่เหมาะสม เพื่อสร้างมูลค่าสูงสุดให้กับบริษัท รวมทั้งผู้ลงทุนที่จะสามารถนำไปสร้างกลยุทธ์ในการลงทุนที่มีประสิทธิผล
รศ.ดร. จิรพล จิยะจันทน์ ผู้วิจัยจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยการศึกษาซึ่งเน้นถึงบทบาทของข้อมูลหรือการส่งสัญญาณที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือจะประกาศออกมา (credit watch placement) ก่อนมีการปรับเปลี่ยนอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ของบริษัทจดทะเบียน โดยพบว่าข้อมูลหรือสัญญาณดังกล่าวมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญกับราคาหุ้นของบริษัท โดยเฉพาะต่อราคาหุ้นของบริษัทที่มีข้อมูลสัญญาณแจ้งเตือนก่อนปรับเปลี่ยนการจัดอันดับจริงจะมีนัยสำคัญกว่าบริษัทที่ไม่มีการส่งสัญญาณดังกล่าว และการมีข้อมู
ลสัญญาณแจ้งเตือนจะช่วยลดความผันผวนของราคาหุ้นได้ นอกจากนี้ ข้อมูลที่เป็นสัญญาณดังกล่าวจะเป็นประโยชน์กับนักลงทุนในการตัดสินใจลงทุนได้
หมายเหตุ: การเผยแพร่งานวิจัยเป็นการดำเนินงานตามบันทึกความร่วมมือระหว่าง ก.ล.ต. กับสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำ 4 แห่ง ประกอบด้วย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัย แลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างภาควิชาการกับผู้บริหารในตลาดทุน และนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาตลาดทุน
ไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์ ประกาศรับการเสนอขายกองทุนรวมให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไประหว่างกัน