รับสมัครตัวแทน เมืองไทยประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี ประกันชีวิตออนไลน์ ที่ปรึกษาประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ
ชีวิตเปลี่ยนแค่รู้จัก ‘เลี่ยง’ หรือ ‘เริ่ม’
รู้สึกไหมว่าชีวิตที่เขาบอกว่า ‘เลือกได้’ จริง ๆ แล้วช่วง WFH ที่ผ่านมาเราก็อาจเลือกได้แค่ว่ามื้อเช้านี้จะทำอะไรกินดี การจะออกจากบ้านไปเที่ยว ไปออฟฟิศทำงาน ยังไม่ใช่สิ่งที่อยู่ใน ‘ตัวเลือก’ ของชีวิตในช่วงที่ผ่านมาเลยด้วยซ้ำไป
แต่เพราะเหตุนั้นอาจทำให้เราเห็นชีวิตในมุมที่ชัดเจนขึ้นว่าแท้แล้วชีวิตเราอาจมีแค่ 2 คำตอบว่าจะเลี่ยง โควิดและขังตัวเองไว้ในห้อง หรือเริ่มออกจากบ้านแบบมีความเสี่ยง ในมุมอื่นๆ ของชีวิตเองก็อาจไม่ต่างกัน ตลอดทั้งชีวิตเราอาจต้องอยู่ใน 1 ชีวิต 2 คำตอบนี้ตลอดไป อยู่ที่ว่าคุณจะเลือก ‘เลี่ยง’ หรือ ‘เริ่ม’
ชีวิตจะเป็นอย่างไรอยู่ที่การตัดสินใจเลือกในชีวิตว่าต้องการแบบไหน
เชื่อได้ว่าในชีวิตเราตั้งแต่เกิดจนมีอายุเท่ากับปัจจุบันนี้ คงได้ผ่านสถานการณ์ของการเลือกมามากมาย ซึ่งในการเลือกที่ผ่านมานั้น บางครั้งก็เลือกถูก บางครั้งก็เลือกผิด แต่คุณรู้อะไรไหมว่าในทุกการเลือกของคุณมันก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าประสบการณ์ที่จะช่วยบอกคุณได้ว่า การเลือกในครั้งต่อ ๆ ไป เลือกแบบไหนถึงจะดีต่อตัวเองที่สุด
บางเรื่องในชีวิตเราก็ไม่มีโอกาสเลือกแค่จะ ‘เลี่ยง’ / ‘เริ่ม’
เมื่อตอนต้นเราได้พูดถึงเรื่องของการเลือกสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตกันไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าบางครั้งชีวิตก็ไม่ได้สวยหรูเสมอไป ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งเราอาจจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถเลือกได้ รับสมัครตัวแทน จึงทำให้ต้องจนมุม ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่อย่างที่บอกว่าจริงๆ แล้วถ้าในเมื่อเราเลือกไม่ได้ ยังมีอีก 2 วิธีเพื่อนำพาชีวิตให้ไปต่อได้คือการพลิกมุมมองแล้วลองใช้การ ‘เลี่ยง’ หรือ ‘เริ่ม’ มาเป็นแนวในการตัดสินใจบางอย่างในชีวิต จากนี้ก็อยู่ที่ใจแล้วหละว่าจะทำให้มันเป็นแบบไหน
มะเร็งคือหนึ่งเรื่องที่มี 2 คำตอบ ‘เลี่ยง’ / ‘เริ่ม’
ในประเทศไทยเมื่อดูข้อมูลของการป่วยในโรคต่างๆ แล้ว พบว่าโรคมะเร็งถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทย มีผู้ป่วยรายใหม่วันละ 336 คน เสียชีวิตวันละ 215 คน และมีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะใน ผู้หญิงที่เข้าสู่ช่วงอายุ 30-39 ปี มีจำนวนผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 223% ในขณะที่ผู้ชายมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากกว่า 195% เมื่อเข้าสู่ช่วงอายุ 40-49 ปีและจำนวนผู้ป่วยยังคงสูงขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น จากตัวเลขจะเห็นได้ว่ายิ่งอายุมากขึ้น ความเสี่ยงในโอกาสเป็นมะเร็งก็มากขึ้นตามไปด้วย นั้นเพราะที่ผ่านมาเราใช้ชีวิตที่โดยไม่ยอมหลีกเลี่ยงโอกาสเสี่ยงนั้นหรือเปล่า
‘เลี่ยง’ พฤติกรรมและปัจจัยเสี่ยงที่ควรรู้ก่อนจะเป็นมะเร็ง
ถ้าเราลองค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเราจะเจอกับข้อมูลมหาศาล ที่ต่างก็ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เสี่ยงให้เกิดมะเร็ง เห็นได้ว่านอกเหนือจากกรรมพันธุ์แล้ว สาเหตุต้นๆ ของการเป็นมะเร็งมักมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราเองทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ความเครียด , การไม่ออกกำลังกาย , และที่สำคัญที่สุดคือการกิน ที่แม้รู้ทั้งรู้ว่ามันอาจจะให้โทษต่อร่างกาย แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้แก่รสชาติทุกครั้งไป รู้ตัวอีกทีสิ่งที่กินเข้าไปนั้น ย้อนกลับมาทำร้ายกันในรูปแบบโรคมะเร็ง โดยอาหารที่เรากินเข้าไป จะกลายเป็นสารก่อมะเร็งแล้วสะสมในร่างกาย แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม
1. สารก่อมะเร็งที่เกิดในธรรมชาติ คือ เชื้อราที่เจริญเติบโตในอาหารแล้วสร้างสารพิษขึ้นทำให้เกิดโรคมะเร็ง เช่น เชื้อรากลุ่ม แอสเปอร์จิรัส เฟลวัส (Aspergillus Flavus) ที่พบทั่วไปในอากาศและสร้างสารพิษ แอฟฟลาทอกซิน (Aflatoxin) ซึ่งทำให้เกิดโรคมะเร็งที่ตับเชื้อราชนิดนี้มักขึ้นในอาหารต่างๆ ที่เก็บไม่ดีมีความชื้นสูง โดยเฉพาะถั่วลิสง พริกป่น หอม กระเทียม ข้าวโพด ขนมปัง ฯลฯ
2. สารก่อมะเร็งที่เกิดขึ้นโดย การเติมแต่งหรือจากการกระทำของมนุษย์ เช่น การใช้สีย้อมผ้าในอาหาร หรือใช้สีผสมอาหาร (ชนิดสีสังเคราะห์) ในปริมาณมากเกินไป
3. สารก่อมะเร็งที่เกิดขึ้นจากกระบวนการประกอบอาหารและถนอมอาหาร เช่น การปิ้ง ย่าง รมควัน และทอดอาหารจนไหม้เกรียม โดยเฉพาะอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง
เริ่มทำประกันรับความคุ้มครองมะเร็งได้ตั้งแต่วันนี้
มะเร็งใกล้ตัวเรากว่าที่คิด ถึงเวลาแล้วที่คุณจะเริ่มมองหาแผนสำรองให้ชีวิตตัวเอง ด้วยแผนความคุ้มครองที่เหมาะสำหรับการดูแลตัวคุณเอง กับประกันโรคมะเร็ง พร้อมสู้ทุกโรคมะเร็ง ทุกระยะ
ช่วงโควิดอาจจะทำให้คุณเลี่ยงมากกว่าเริ่ม แต่ตอนนี้เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น เราก็พร้อมที่จะเริ่มทำในหลายสิ่งที่เราต้องการได้แล้ว มาเริ่มสู่สิ่งที่ดีกว่าไปพร้อมๆ กันกับเรา ใช้โอกาสนี้ในการสร้างความสนุกให้ชีวิตกันดีกว่า ถ้าพร้อมแล้วก็ออกไปใช้ชีวิตกันได้เลย
เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการ “โครงการจ่ายค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย” ภายใต้แนวคิด “เจ็บจากรถ หมดกังวล มีคนจ่าย” ประชาชนเฮนโยบายรัฐบาลช่วยผู้ประสบภัยจากรถ ใช้สิทธิความคุ้มครองจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย ให้สามารถรับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยไม่ต้องสำรองค่ารักษาพยาบาลไปก่อน โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้เกียรติเป็นประธานเปิดตัวโครงการ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2555
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนมีสิทธิในการเข้ารับการรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลได้ทุกแห่ง และไม่ต้องสำรองค่าใช้จ่าย โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบจะประสานการจ่ายค่ารักษาพยาบาลคืนให้กับโรงพยาบาล ในภายหลัง ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. โดย “กองทุนทดแทนผู้ประสบภัย” และภาคธุรกิจประกันภัยเห็นถึงความสำคัญ และตระหนักว่าอุบัติเหตุจากรถ ถือเป็นเหตุฉุกเฉินที่ผู้ประสบภัยต้องได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วน ดังนั้น จึงได้ร่วมกันพัฒนาแนวทางการจ่ายค่ารักษาพยาบาลด้วยระบบสินไหมอัตโนมัติ หรือ E – Claim เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล และผลักดันให้ระบบประกันภัยเข้าไปดูแลให้ผู้ประสบภัยจากรถได้รับการรักษาและการเยียวยา จากโรงพยาบาลทุกแห่งอย่างทันท่วงที โดยไม่ต้องสำรองค่าใช้จ่าย จึงได้จัด “โครงการจ่ายค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย” เพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระให้แก่ผู้ประสบภัยจากรถ โดยโครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการร่วมกับโรงพยาบาลทั่วประเทศแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2555
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวเสริมว่า โครงการฯ ดังกล่าวเป็นความร่วมมือกันระหว่างสำนักงาน คปภ. สมาคมประกันวินาศภัย และบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ในการพัฒนาแนวทางการจ่ายค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย โดยให้โรงพยาบาลที่ให้การรักษาผู้ประสบภัยจากรถ สามารถวางบิลเบิกค่ารักษาพยาบาลผ่านระบบสินไหมอัตโนมัติ Online (อีเคลม : E – Claim) ซึ่งระบบนี้จะทำให้ผู้ประสบภัยจากรถที่เข้ารับการรักษาพยาบาล ทั้งที่เป็นผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก ไม่ต้องสำรองค่ารักษาพยาบาลไปก่อน โดยให้บริษัทกลางฯ เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากรถ ในการรวบรวมเอกสารต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด และให้ดำเนินการจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แก่โรงพยาบาล ที่ให้การรักษาผู้ประสบภัยจากรถแทนกองทุนฯ ไปก่อน
นายนพดล สันติภากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด
กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทกลางฯ ดูแลรถที่มีประกันภัยรถภาคบังคับ (พรบ.) ประมาณ 60-70% จากทั่วประเทศ หรือประมาณ 22 ล้านคัน รวมถึงบริษัทกลางฯ ได้รับการว่าจ้างจากบริษัทประกันภัย 10 แห่ง ให้ดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากการประกันภัยรถภาคบังคับ (พรบ.) ทำให้ต่อวันมีการเรียกร้องผ่านระบบค่าสินไหมอัตโนมัติ (E – Claim) กว่า 1,000 เคลม ซึ่งคาดการณ์ว่าภายใต้โครงการจ่ายค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินนี้ จะทำให้ประชาชนมาใช้สิทธิ จากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยเพิ่มมากขึ้น 10-20% ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมาโรงพยาบาลที่ให้การรักษาผู้ประสบภัยจากรถ สามารถวางบิลค่ารักษาพยาบาลผ่านระบบสินไหมอัตโนมัติ (E-claim) ซึ่งกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับโรงพยาบาลภายใน 7 วัน เมื่อเอกสารหลักฐานครบถ้วน แต่หากเอกสารไม่ครบ บริษัทกลางฯ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก สำนักงาน คปภ. ในฐานะผู้บริหารกองทุน ให้สำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล ให้กับโรงพยาบาลไปก่อนภายใน 7 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด และบริษัทกลางฯ จะดำเนินการรวบรวมเอกสารแทน แล้วมาตั้งเบิกกับกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม บริษัทกลางฯ พร้อมให้บริการผ่านระบบสินไหมอัตโนมัติ (E-Claim) สำหรับการจ่าย ค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย โดยที่ผ่านมาได้เดินสายร่วมกับสำนักงาน คปภ. เพื่อชี้แจง สร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับผู้ปฏิบัติงานดังกล่าวทั่วประเทศแล้ว
คปภ. เผยตัวเลขธุรกิจประกันภัย 5 เดือนแรก โตร้อยละ 19
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ธุรกิจประกันภัยช่วงเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2555 ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีเบี้ยประกันภัยรวมทั้งสิ้น 215,443 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 19.00 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ธุรกิจประกันชีวิต มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง รวมทั้งสิ้น 145,643 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 16.98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเบี้ยประกันภัยรับสูงสุด คือ การประกันชีวิตประเภทสามัญ จำนวน 121,959 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 17.66 รองลงมาการประกันชีวิตประเภทกลุ่ม จำนวน 18,138 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 17.52 และการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลจำนวน 2,078 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 12.15
ธุรกิจประกันวินาศภัย มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง รวมทั้งสิ้น 69,799 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 23.46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเบี้ยประกันภัยรับสูงสุด คือ การประกันภัยรถ จำนวน 40,567 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 19.08 รองลงมาการประกันภัยเบ็ดเตล็ด จำนวน 23,014 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 33.86 และ การประกันอัคคีภัย จำนวน 4,115 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 23.33
ทั้งนี้ วันที่ ณ 31 พฤษภาคม 2555 มีจำนวนกรมธรรม์ประกันภัยรายใหม่ รวมทั้งสิ้น 21,515,247 ราย ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.72 คิดเป็นจำนวนเงินเอาประกันภัยรวม 32,774,630 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิต จำนวน 2,199,470 ราย เป็นจำนวนเงินเอาประกันภัย 1,426,623 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.47 และกรมธรรม์ประกันวินาศภัย จำนวน 19,315,777 ราย ขยายตัวร้อยละ 11.84 เป็นจำนวนเงินเอาประกันภัย 31,348,007 ล้านบาท
ปัจจุบันธุรกิจประกันภัยมีการขยายตัวอย่างมั่นคง ทำให้ ณ 31 พฤษภาคม 2555 ธุรกิจประกันชีวิตมีกรมธรรม์ที่มีผลบังคับ รวมทั้งสิ้นจำนวน 18,912,226 ราย คิดเป็นสัดส่วนผู้ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตต่อจำนวนประชากรร้อยละ 29.08 และธุรกิจประกันวินาศภัย มีจำนวนผู้ทำประกันวินาศภัย รวมทั้งสิ้น 19,315,777 ราย ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.84
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า อุตสาหกรรมประกันภัยมีพัฒนาการที่ดีมาเป็นลำดับ ประชาชนและผู้เอาประกันภัยมีความมั่นใจต่อธุรกิจประกันภัย และเห็นความสำคัญของการประกันภัยมากขึ้น ประกอบกับสำนักงาน คปภ. และผู้ประกอบการมีการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย ให้มีความหลากหลาย และตรงกับความต้องการของประชาชน จึงเป็นแรงสนับสนุนให้ประชาชนทำประกันภัยมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจประกันภัยเติบโตขึ้นเป็นลำดับ
สำนักงาน คปภ. โดยสถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูง
เปิดโครงการหลักสูตรวิทยาการประกันภัยระดับสูง (วปส.) รุ่นที่ 2
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คปภ. ให้เกียรติเป็นประธานกล่าว เปิดโครงการหลักสูตรวิทยาการประกันภัยระดับสูง (วปส.) รุ่นที่ 2 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสัมพันธ์และเครือข่ายสังคมผู้นำทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันการพัฒนาธุรกิจประกันภัยให้เข้าถึงประชาชนทุกระดับ สร้างวินัยในการออม เกิดความเชื่อมั่นในธุรกิจประกันภัยว่า การประกันภัยสามารถสร้างความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยนักศึกษาในหลักสูตรดังกล่าวประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงของภาครัฐ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทประกันภัยและธนาคาร ผู้บริหารระดับสูงของภาคเอกชนหรือองค์กรสาธารณะ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2555 ณ อาคารสถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูง
คปภ. เดินสาย สร้างความเข้าใจ เรื่อง (E-Claim) ณ จังหวัดชลบุรี
สำนักงาน คปภ. ร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัย และ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ลงพื้นที่จัดบรรยาย ในหัวข้อ “แนวทางการจ่ายชดเชยค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย” เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินให้สามารถรับการรักษาได้ทันที โดยให้โรงพยาบาลที่ให้การรักษาผู้ประสบภัยจากรถ สามารถวางบิลเบิกค่ารักษาพยาบาลผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ Online (E-Claim) และสร้างความเข้าใจร่วมกันให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ ก่อนที่จะสามารถดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์ในวันที่ 1 สิงหาคม 2555 นี้ ณ โรงแรมเอราวัณ พัทยา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2555
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมกับ สมาคมประกันวินาศภัย และบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เดินหน้ารณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนทั่วทุกภูมิภาคได้รับความรู้ และความเข้าใจ เรื่องแนวทางการจ่ายชดเชยค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย และรณรงค์การประกันภัย กรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ โดยเน้นให้เห็นความสำคัญและทำประกันมากขึ้น
สำนักงาน คปภ. ได้พัฒนาแนวทางการจ่ายชดเชยค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินให้สามารถรับการรักษาได้ทันที โดยให้โรงพยาบาลที่ให้การรักษาผู้ประสบภัยจากรถ สามารถวางบิลเบิกค่ารักษาพยาบาลผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ Online (E-Claim) ซึ่งระบบนี้จะทำให้ผู้ประสบภัยที่เข้ารับการรักษาพยาบาล ทั้งที่เป็นผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกไม่ต้องสำรองค่ารักษาพยาบาลไปก่อน ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. จึงได้ลงพื้นที่จัดบรรยาย ในหัวข้อ “แนวทางการจ่ายชดเชยค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย” ณ โรงแรมฮอลลิเดย์อินน์ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2555 เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ ก่อนที่จะสามารถดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์ในวันที่ 1 สิงหาคม 2555 นี้ โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการเชิงรุกลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ ความเข้าใจเรื่องการประกันภัยพิบัติมาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความคุ้มครองภัยพิบัติได้อย่างทั่วถึง ในอัตราเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม ทั้งนี้ในส่วนของภูมิภาคได้ดำเนินการลงพื้นที่รณรงค์ไปแล้วในจังหวัด ปทุมธานี, อยุธยา, นครสวรรค์ สุราษฎร์ธานี และขอนแก่น และจะมีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ
คปภ. เป็นเจ้าภาพจัดการอบรม
เพิ่มศักยภาพหน่วยงานกำกับธุรกิจประกันภัยในภูมิภาคอาเซียน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมกับสมาคมนายทะเบียนประกันภัย (National Association of Insurance Commissioners: NAIC) ประเทศสหรัฐอเมริกา จัดการอบรมเรื่อง “แนวทางการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของประเทศสหรัฐอเมริกา (The U.S. Insurance Regulation and Supervision)” ระหว่างวันที่ 18- 20 กรกฎาคม 2555 ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารสถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูง สำนักงาน คปภ. เพื่อยกระดับความรู้ และสร้างความเชี่ยวชาญ อย่างต่อเนื่องด้านการตรวจสอบธุรกิจประกันภัยของหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยในภูมิภาคอาเซียน
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คปภ. เป็นประธานกล่าวเปิดการอบรมเรื่อง แนวทางการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของประเทศสหรัฐอเมริกา (The U.S. Insurance Regulation and Supervision) โดยหัวข้อการอบรมเป็นเรื่องการตรวจสอบบริษัทประกันภัย เช่น การรายงานทางการเงิน และการเก็บรวบรวมข้อมูล แนวทางการวิเคราะห์ความเสี่ยงในแต่ละด้าน เงินสำรองและความเพียงพอของเงินทุน การตรวจสอบพฤติกรรมทางตลาด รวมถึงการตรวจสอบการกำกับธุรกิจแบบรวมกลุ่ม โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมกว่า 70 คน ประกอบด้วย ผู้แทนหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยในอาเซียน เช่น สิงคโปร์ บรูไน มาเลเซีย และเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน คปภ.
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดอบรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือด้านการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยตามบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงาน คปภ. กับ NAIC ซึ่งครอบคลุมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูล การให้ความช่วยเหลือทางวิชาการต่างๆ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร และเพื่อเป็นการเตรียมการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน สำนักงาน คปภ. จึงได้เชิญหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยในอาเซียนเข้าร่วมอบรมด้วย เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้มีโอกาสเรียนรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากประสบการณ์จริง และสามารถนำ ความรู้ที่ได้รับมาพัฒนาแนวทางการกำกับของแต่ละประเทศ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพ และยกระดับการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยในระดับภูมิภาคอีกด้วย
>> เสริมความมั่นใจไปกับประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย คุ้มครอง โรคร้ายแรง โรคทั่วไป และอุบัติเหตุ เลือกแผนความคุ้มครองได้ตามต้องการตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 100,000,000 บาท สมัครได้ถึงอายุ 90 ปี คุ้มครองสุขภาพยาว ๆ ต่อเนื่องถึงอายุ 99 ปี* พร้อมลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี
ตัวอย่างค่าเบี้ย เพศหญิงอายุ 35 ปี สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง วันละไม่ถึง 59 บาท
เลือกความคุ้มครองสุขภาพ ดี เฮลท์ พลัส แผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท
โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบครั้งใดครั้งหนึ่ง และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
เลือกประกันสุขภาพเหมาจ่าย เลือกเมืองไทยประกันชีวิต
ไม่ว่าอาชีพอะไร ไลฟ์สไตล์แบบไหน
เมืองไทยประกันชีวิตเข้าใจทุกความต้องการในแบบคุณ
*เฉพาะสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ อีลิท เฮลท์ พลัส หรือแบบ ดี เฮลท์ พลัส
สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ ต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่
ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
เงื่อนไขเป็นไปตามมาตรฐานและความจำเป็นทางการแพทย์
เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตและธนาคารกำหนด
โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
>> เสริมความมั่นใจด้วยประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย คุ้มครอง โรคร้ายแรง โรคทั่วไป และอุบัติเหตุ เลือกแผนความคุ้มครองได้ตามต้องการตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 100,000,000 บาท สมัครได้ถึงอายุ 90 ปี* คุ้มครองสุขภาพยาว ๆ ต่อเนื่องถึงอายุ 99 ปี* พร้อมลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี
ตัวอย่างค่าเบี้ย เพศหญิงอายุ 35 ปี วันละไม่ถึง 59 บาท
เลือกความคุ้มครองสุขภาพ ดี เฮลท์ พลัส แผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท
โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบครั้งใดครั้งหนึ่ง และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
เลือกประกันสุขภาพเหมาจ่าย เลือกเมืองไทยประกันชีวิต
Whatever’s Next, MTL’s NEXT to You
พร้อมพัฒนาในทุกด้าน เพื่อก้าวเดินไปพร้อมคุณ
>> เสริมความมั่นใจไปกับ เหมาจ่าย เอ็กซ์ตร้า คุ้มครองทั้งโรคร้ายแรง โรคระบาด โรคฝีดาษลิง โรคอุบัติใหม่ โรคทั่วไป และอุบัติเหตุ พร้อมดูแลค่ารักษาแบบเหมาจ่ายครึ่งล้าน(1) เบี้ยวันละไม่ถึง 42 บาท(2)
ซื้อความคุ้มครองเพิ่มได้ ทั้งชดเชยรายวัน คุ้มครองกรณีผู้ป่วยนอก OPD หรือคุ้มครองโรคร้าย Multiple CI ก็เลือกได้ตามใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาหรือสูญเสียรายได้หากต้องลาหยุด เลือกจ่ายแบบรายเดือนได้สบาย ๆ ตามที่ไหว
คุ้มครองแบบเหมาจ่ายตามจริง 500,000 บาท(1)
ค่าห้อง 4,000 บาทต่อวัน(1) และรับเพิ่ม 2 เท่า หากเข้าพักในห้อง ICU
คุ้มครองเยอะขนาดนี้ แต่จ่ายเบี้ยประกันภัยแบบสบายๆ เลือกจ่ายแบบรายเดือนก็ได้
ซื้อวันนี้ผ่อนค่าเบี้ยสบาย ๆ 0% นานสูงสุด 6 เดือน หรือรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13%
(1) สำหรับแผนความคุ้มครอง 3 โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่ง
(2) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง 30 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 3 และชำระเบี้ยประกันรายปี
โครงการเหมาจ่าย เอ็กซ์ตร้า เป็นชื่อทางการตลาดของสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพ แบบ เอ็กตร้าแคร์ (N)
ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
เงื่อนไขเป็นไปตามมาตรฐานและความจำเป็นทางการแพทย์
เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตและธนาคารกำหนด
โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย