ออมเงินระยะยาว เมืองไทยประกันชีวิต ประกันบำนาญ


ออมเงินระยะยาว เมืองไทยประกันชีวิต ประกันบำนาญ ประกันชีวิตควบคู่การลงทุน ประกันตลอดชีพ ประกันสะสมทรัพย์ ลดหย่อนภาษี ลดหย่อนภาษีสูงสุด ประกันบำนาญ ประกันชั่วระยะเวลา

เคล็ดลับชนะใจตัวเอง ดูแลหัวใจให้แข็งแรง

ในเมื่อเราตั้งใจที่จะดูแลร่างกายของตัวเองอย่างเต็มที่แล้วก็ต้องดูแลให้ครบทุกส่วนทั้งภายนอก ภายใน รวมทั้ง “หัวใจ” ด้วย 5 เคล็ดลับในการดูแลหัวใจเป็นพิเศษที่ทำได้ทั้งคนโสดและไม่โสด

ออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ

ออกกำลังกายน่ะเรื่องดี แต่ก็ต้องแบบพอดีๆ ไม่มากไป ไม่น้อยไป ยิ่งถ้าไม่เคยออกกำลังกายหรือห่างหายจากการออกกำลังกายมานาน ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ถ้าไปออกกำลังแบบอัดแน่นหนักหน่วง หรือฟิต…ไม่หยุดให้ร่างกายได้มีวันพักบ้างเลยแบบนี้ไม่ดีแน่ หัวใจก็เหมือนร่างกายเรานั่นแหละ ต้องการออกกำลัง และการพักผ่อนให้พอเหมาะ จะได้ช่วยเสริมให้หัวใจแข็งแรงขึ้นได้

2. รับประทานอาหารที่ดีต่อใจ

ชาบูมีผัก กินได้ , ของหวานมีผลไม้ กินได้ ความคิดแบบนี้จริงๆ มันก็ถูกต้องแบบ 50/50 อยู่นะ จริงอยู่ที่ว่าผักและผลไม้มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ ใช่ว่าผักผลไม้ทุกอย่างจะเหมาะกับการดูแลสุขภาพ ซึ่งสำหรับการดูแลเรื่องของหัวใจนั้น คุณต้องเน้นทางผัก ผลไม้ เช่น เนื้อปลา , ผักใบเขียว , ถั่วชนิดต่างๆ , ชาเขียว กินสิ่งที่ดีต่อใจ หัวใจก็จะได้รับการดูแลแบบเต็มที่ ซึ่งก็จะยิ่งช่วยให้หัวใจมีความแข็งแรงมากขึ้น ลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดโรคอีกด้วย

3. เช็กหัวใจให้สมาร์ทวอชช่วยได้

ลองเช็กหัวใจสักหน่อยว่านอกเหนือจาก I Love U ยังเจออะไรอีกบ้างไหม หัวใจเต้นเร็วไปหรือเปล่า เพราะบางครั้งร่างกายที่ดูเหมือนจะแข็งแรงดี แต่บางทีก็เกิดอาการหัวใจเต้นเร็ว ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องออกแรง ซึ่งโดยปกติแล้วอัตราการเต้นของหัวใจโดยทั่วไปสำหรับคนที่ไม่ได้เป็นนักกีฬา หรือออกกำลังกายบ่อยๆ นั้น จะอยู่ที่ประมาณ 60-100 ครั้งต่อนาที ในขณะเดินหัวใจจะเต้นเร็วขึ้นประมาณ 100-120 ครั้งต่อนาทีและมากกว่า 120 ครั้งต่อนาทีในขณะวิ่ง ถ้าต่างจากนี้ก็แนะนำให้ไปตรวจร่างกายเป็นดีที่สุด

4. เก็บชั่วโมงนอนให้ครบจบที่ความสดใส

เหนื่อยร่างให้นอนพัก เพราะการพักผ่อนช่วยเยียวยาได้ทั้งร่างกายและจิตใจ อีกทั้งตามนาฬิกาชีวิตของมนุษย์เราแล้ว ในช่วงกลางคืน ระบบภายในของร่างกายจะมีการซ่อมแซมตัวเอง ซึ่งถ้าเราพักผ่อนตามเวลาที่ควรจะเป็น และมีการนอนหลับอย่างเต็มที่ก็จะส่งผลดีต่อระบบโดยรวมของร่างกาย ช่วยให้ตื่นมาอย่างสดใส หัวใจแข็งแรงพร้อมที่จะลุยงานและออกไปใช้ชีวิตได้ทั้งวัน

5. เลิกบุหรี่ ที่ช่วยคลายเครียด แต่ไม่ดีต่อหัวใจนะ

เตือนกันเป็นประจำสำหรับคนที่รักการคลายเครียดด้วยการสูบบุหรี่ ออมเงินระยะยาว คุณอาจจะหายเครียดได้ทันทีที่สูบแต่ผลผลที่ตามมาหลังจากการสูบบุหรี่นั้น อาจจะทำให้คุณยิ่งเครียดมากกว่าเดิมก็ได้ เพราะการสูบบุหรี่นั้นเป็นต้นเหตุของโรคร้ายหลายชนิดอย่าง ถุงลมโป่งพอง โรคมะเร็งปอด หลอดเลือดสมอง โรคเส้นเลือดหัวใจตีบและภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน

จาก 5 เคล็ดลับข้างต้นจะเห็นได้ว่าการดูแลหัวใจนั้นทำได้ไม่ยาก นอกเหนือจากการที่เราจะต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษแล้ว ควรเพิ่มความพิเศษอีกขั้นด้วยประกันโรคร้ายแรง

เสริมความมั่นใจไปกับประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย คุ้มครอง โรคร้ายแรง โรคทั่วไป และอุบัติเหตุ เลือกแผนความคุ้มครองได้ตามต้องการตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 100,000,000 บาท สมัครได้ถึงอายุ 90 ปี คุ้มครองสุขภาพยาว ๆ ต่อเนื่องถึงอายุ 99 ปี* พร้อมลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี

ตัวอย่างค่าเบี้ย เพศหญิงอายุ 35 ปี สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง วันละไม่ถึง 59 บาท

เลือกความคุ้มครองสุขภาพ ดี เฮลท์ พลัส แผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท

โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบครั้งใดครั้งหนึ่ง และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี

เลือกประกันสุขภาพเหมาจ่าย เลือกเมืองไทยประกันชีวิต

ไม่ว่าอาชีพอะไร ไลฟ์สไตล์แบบไหน

เมืองไทยประกันชีวิตเข้าใจทุกความต้องการในแบบคุณ

*เฉพาะสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ อีลิท เฮลท์ พลัส หรือแบบ ดี เฮลท์ พลัส

สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ ต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่
ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด

การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
เงื่อนไขเป็นไปตามมาตรฐานและความจำเป็นทางการแพทย์
เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตและธนาคารกำหนด
โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย

คปภ. เผยรายงานช่องทางการขายประกันชีวิตยอดนิยม 7 เดือนแรก ปี 2555
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่าตัวเลขการรับประกันชีวิตจำแนกตามช่องทางการจำหน่าย ในช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2555มีการขายกรมธรรม์ประกันชีวิตผ่านช่องทางต่างๆ จำนวนทั้งสิ้น 3,265,399กรมธรรม์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.94 มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวมทั้งสิ้น 213,826 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 18.40 ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลจากประชาชนมีความตื่นตัวต่อความเสี่ยงต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านภัยธรรมชาติ จึงทำให้ตระหนักถึงความสำคัญในการทำประกันชีวิตมากขึ้น

ทั้งนี้ ช่องทางการขายประกันชีวิตที่ได้รับความนิยมสูงสุดยังคงเป็นการขายผ่าน“ตัวแทน” โดยมีจำนวนกรมธรรม์ 2,517,729 กรมธรรม์ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 77.10ของกรมธรรม์รวมทุกช่องทาง ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 6.55เป็นเบี้ยประกันชีวิตจำนวน 122,162 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 57.13 ของเบี้ยประกันชีวิตรับรวมทุกช่องทาง ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.13 รองลงมาได้แก่การขายผ่าน “ธนาคาร” (Bancassurance) มีจำนวน 504,903 กรมธรรม์ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.46 ของกรมธรรม์รวมทุกช่องทาง ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของ ปีก่อนร้อยละ 34.29 โดยมีเบี้ยประกันชีวิตทั้งสิ้น 77,027 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 36.02 ของเบี้ยประกันชีวิตรับรวมทุกช่องทาง ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 34.16 ถือเป็นช่องทางการขายประกันชีวิตที่ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามมาด้วยการขายผ่านทาง“โทรศัพท์”มีจำนวน 192,392 กรมธรรม์ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.89 ของกรมธรรม์รวมทุกช่องทาง ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.36 มีเบี้ยประกันภัยชีวิตจำนวน 6,449ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 12.23 ส่วนการขายผ่าน“ช่องทางอื่นๆ” เช่น ระบบอินเตอร์เน็ต และร้านสะดวกซื้อ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 36,876กรมธรรม์ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.13 ของกรมธรรม์รวมทุกช่องทาง มีเบี้ยประกันชีวิตรวมทั้งสิ้น 3,176 ล้านบาท

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่าประเภทผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการขยายตัวของเบี้ยประกันภัยมากที่สุด คือ แบบตลอดชีพ และ แบบบำนาญ โดยมีอัตราการขยายตัวถึงร้อยละ 40.59 และ 41.76 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประชาชนมีความเชื่อมั่นในการออมเงินผ่านการประกันชีวิตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อพิจารณาเบี้ยประกันชีวิตปีแรก ปีต่อไป และจ่ายครั้งเดียว จะเห็นได้ว่าปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางการจำหน่ายประกันชีวิตที่ประชาชนให้ความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2555 เบี้ยประกันชีวิตจ่ายครั้งเดียวขายผ่านธนาคารมีจำนวนถึง 17,640 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 78.59 ของเบี้ยประกันชีวิตจ่ายครั้งเดียวรวมทุกช่องทาง ขยายตัวร้อยละ 41.65 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิต ประชาชนควรศึกษาเงื่อนไขความคุ้มครอง รายละเอียด และข้อยกเว้นให้เข้าใจเสียก่อน เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคลมากที่สุด

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ห่วงใยประชาชนเดินทางท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวเทศกาลขึ้นปีใหม่ เตือนให้ตรวจสอบการทำประกันภัยรถภาคบังคับ หรือการประกันภัยรถตาม พ.ร.บ. ตลอดจนตรวจสอบวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัยรถ ก่อนออกเดินทาง และเปิดสายด่วนประกันภัย 1186 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกให้บริการรับปรึกษาปัญหาด้านการประกันภัย

นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ 2555 ช่วง 7 วันอันตราย มีจำนวนอุบัติเหตุเกิดขึ้นทั้งสิ้น 3,093 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 335 คน และบาดเจ็บ 3,375 คน ซึ่งช่วงวันหยุดยาวเทศกาลขึ้นปีใหม่นี้ คาดว่าประชาชนจะมีการเดินทางกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัด และเดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เป็นจำนวนมาก สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยผู้ใช้รถใช้ถนนที่จะออกเดินทางในช่วงเวลาดังกล่าว จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เตรียมพร้อมให้บริการประชาชนและผู้เอาประกันภัยที่ประสบปัญหาด้านการประกันภัย ให้เข้าถึงความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยได้ถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรม จึงเปิดบริการสายด่วนประกันภัย 1186 ทั่วประเทศ ตลอด 24 ชั่วโมง ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2555 ถึง วันที่ 1 มกราคม 2556 และฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะยิ่งขึ้น รวมทั้งตรวจสอบการทำประกันภัยรถภาคบังคับ หรือการประกันภัยรถตาม พ.ร.บ. ตลอดจนวันหมดอายุของการทำประกันภัยรถก่อนเดินทาง เนื่องจากการทำประกันภัยรถตาม พ.ร.บ. ตามที่กฎหมายกำหนด สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของท่านและผู้ประสบภัยได้ เพราะเมื่อมีอุบัติเหตุจากรถเกิดขึ้น ผู้ประสบภัยจากรถทุกคนจะได้รับความช่วยเหลือดูแลจากบริษัทประกันภัย ได้แก่ ค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริง สูงสุดรายละไม่เกิน 50,000 บาท กรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวร หรือสูญเสียอวัยวะ จะได้รับค่าสินไหมทดแทนสูงสุดรายละ 200,000 บาท และกรณีที่รักษาตัวในโรงพยาบาลจะได้รับค่าชดเชยอีกวันละ 200 บาท ไม่เกิน 20 วัน

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2551 กำหนดให้ เจ้าของรถซึ่งใช้รถ หรือมีรถไว้เพื่อใช้ต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัย โดยการทำประกันภัยกับบริษัทประกันภัย ซึ่งหากตรวจพบรถที่ฝ่าฝืนไม่ทำประกันภัยรถภาคบังคับ หรือประกันภัยรถตาม พ.ร.บ. เจ้าของรถมีโทษปรับตามกฎหมายสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท จึงขอให้เจ้าของรถตระหนักและเห็นความสำคัญของการทำประกันภัยรถตาม พ.ร.บ. ซึ่งนอกจากท่าน และผู้ประสบอุบัติเหตุจากรถจะได้รับความคุ้มครองแล้ว ยังเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายอีกด้วย

ยกฟ้องคดีปกครองของ บริษัท เอ.พี.เอฟ. ชี้คำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตชอบด้วยกฎหมาย

ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องของบริษัท เอ.พี.เอฟ. อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวรันส์ จำกัด โดยมีความเห็นว่าคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย

ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) มีคำสั่งนายทะเบียนให้บริษัท เอ.พี.เอฟ.อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวรันส์ จำกัด (บริษัทฯ) หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2553 กรณีบริษัทฯ ไม่สามารถแก้ไขฐานะการเงินได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินเป็นจำนวน 265.13 ล้านบาท และมีค่าสินไหมทดแทนค้างจ่ายเป็นเงินจำนวน 157.27 ล้านบาท ประกอบกับบริษัทฯ ยังฝ่าฝืนกฎหมายหลายประการ เช่น รับประกันภัยในระหว่างการห้ามขยายธุรกิจ จัดสรรทรัพย์สินไม่เพียงพอสำหรับหนี้สินและภาระผูกพันตามสัญญาประกันภัย อันมีฐานะหรือการดำเนินงานในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนผู้เอาประกันภัย นั้น

เพื่อจำกัดความเสียหายที่อาจจะเกิดแก่ประชาชนผู้เอาประกันภัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 59 (1) (2) (4) และ (5) แห่งพ.ร.บ.ประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 และมีคำสั่งที่ 1583/2553 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2553 เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท เอ.พี.เอฟ. อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวรันส์ จำกัด ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2553 เป็นต้นไป

บริษัทฯ ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2554 ขอให้ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษายกเลิกคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต หรือชะลอคำสั่งดังกล่าวไม่น้อยกว่า 120 วัน เนื่องจากเห็นว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

บัดนี้ ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2555 ให้ยกฟ้องของ

บริษัท เอ.พี.เอฟ. อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวรันส์ จำกัด โดยมีความเห็นว่าคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย

คปภ. เผยธุรกิจประกันภัยไทยเดือนตุลาคม โตโดดเด่นที่ร้อยละ 32.23

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เผยตัวเลขภาพรวมธุรกิจประกันภัยในเดือนตุลาคม 2555 เติบโตโดดเด่นถึงร้อยละ 32.23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงทั้งสิ้น 49,716 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยจากธุรกิจประกันวินาศภัยทั้งสิ้น 18,303 ล้านบาท ขยายตัวในอัตราเร่งถึงร้อยละ 44.83 และเป็นเบี้ยจากธุรกิจประกันชีวิตจำนวน 31,413 ล้านบาท ขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 25.85 ส่งผลให้รวม 10 เดือน (มกราคม – ตุลาคม 2555) ธุรกิจประกันภัย ขยายตัวร้อยละ 20.39 มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้น 455,920 ล้านบาท

นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนตุลาคม 2555 ยังคงขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่มีสัญญาณการปรับตัวดี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กลับมาขยายตัวเป็นบวก ส่งผลให้ในช่วง 10 เดือนแรก (มกราคม – ตุลาคม 2555) ธุรกิจประกันภัยมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้น 455,920 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 20.39

โดยแบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยจากธุรกิจประกันชีวิต จำนวน 308,594 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 17.28 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการที่ธุรกิจประกันชีวิตมีการแข่งขันการขายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่พัฒนาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และสนองต่อความต้องการของประชาชน มีการพัฒนาการให้บริการหลังการขาย การพัฒนาช่องทางการขายให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการประกันภัยได้อย่างทั่วถึง ประกอบกับมาตรการของภาครัฐที่ให้สิทธิผู้ซื้อประกันชีวิตสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ โดยเบี้ยประกันภัยรับสูงสุด คือ การประกันชีวิตประเภทสามัญ จำนวน 258,372 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 16.89 รองลงมาการประกันชีวิตประเภทกลุ่ม จำนวน 38,798 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 25.97 และการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล จำนวน 4,520 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 9.24 และจากธุรกิจประกันวินาศภัย จำนวนรวมทั้งสิ้น 147,326 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 27.46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการประกันภัยรถมีเบี้ยประกันภัยรับสูงสุด จำนวน 84,865 ล้านบาท ขยายตัวถึงร้อยละ 23.35 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องถึงร้อยละ 263.7 ในเดือนตุลาคม ปี 2555 จากมาตรการคืนเงินภาษีรถยนต์คันแรก และการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองอุปสงค์ของรถยนต์ของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ รองลงมาการประกันภัยเบ็ดเตล็ด จำนวน 50,173 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 38.84 และการประกันอัคคีภัย จำนวน 8,001 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 18.90

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมว่า ในปี 2555 แม้ธุรกิจประกันภัยจะเผชิญปัญหาจากปัจจัยรอบด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ และผลกระทบหลังจากเกิดเหตุการณ์อุทกภัยในช่วงปลายปี 2554 ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อฐานะการเงินของหลายบริษัท แต่ธุรกิจประกันภัยก็สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง ซึ่งเห็นได้ว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว อัตราการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัย สูงเป็นประวัติการณ์ ถือเป็นปีแรกในรอบกว่าทศวรรษที่ธุรกิจประกันวินาศภัยมีอัตราการเติบโตสูงกว่า ธุรกิจประกันชีวิต ทั้งนี้ เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อประกันภัยของประชาชนที่สามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีความคุ้มครองตามที่ต้องการ เพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต และทรัพย์สินของตนเอง และการปรับตัวของธุรกิจประกันวินาศภัยเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง พร้อมรับมือกับการแข่งขันที่มีแนวโน้มเสรีมากขึ้นในอนาคต ประกอบกับมาตรการของภาครัฐที่ส่งเสริมให้ธุรกิจประกันวินาศภัยสามารถพลิกฟื้นและเติบโตได้ในอัตราเร่ง

>> เสริมความมั่นใจไปกับประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย คุ้มครอง โรคร้ายแรง โรคทั่วไป และอุบัติเหตุ เลือกแผนความคุ้มครองได้ตามต้องการตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 100,000,000 บาท สมัครได้ถึงอายุ 90 ปี คุ้มครองสุขภาพยาว ๆ ต่อเนื่องถึงอายุ 99 ปี* พร้อมลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี

ตัวอย่างค่าเบี้ย เพศหญิงอายุ 35 ปี สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง วันละไม่ถึง 59 บาท

เลือกความคุ้มครองสุขภาพ ดี เฮลท์ พลัส แผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท

โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบครั้งใดครั้งหนึ่ง และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี

เลือกประกันสุขภาพเหมาจ่าย เลือกเมืองไทยประกันชีวิต

ไม่ว่าอาชีพอะไร ไลฟ์สไตล์แบบไหน

เมืองไทยประกันชีวิตเข้าใจทุกความต้องการในแบบคุณ

*เฉพาะสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ อีลิท เฮลท์ พลัส หรือแบบ ดี เฮลท์ พลัส

สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ ต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่
ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด

การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
เงื่อนไขเป็นไปตามมาตรฐานและความจำเป็นทางการแพทย์
เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตและธนาคารกำหนด
โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย

>> เสริมความมั่นใจด้วยประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย คุ้มครอง โรคร้ายแรง โรคทั่วไป และอุบัติเหตุ เลือกแผนความคุ้มครองได้ตามต้องการตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 100,000,000 บาท สมัครได้ถึงอายุ 90 ปี* คุ้มครองสุขภาพยาว ๆ ต่อเนื่องถึงอายุ 99 ปี* พร้อมลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี

ตัวอย่างค่าเบี้ย เพศหญิงอายุ 35 ปี วันละไม่ถึง 59 บาท

เลือกความคุ้มครองสุขภาพ ดี เฮลท์ พลัส แผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท

โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบครั้งใดครั้งหนึ่ง และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี

เลือกประกันสุขภาพเหมาจ่าย เลือกเมืองไทยประกันชีวิต

Whatever’s Next, MTL’s NEXT to You

พร้อมพัฒนาในทุกด้าน เพื่อก้าวเดินไปพร้อมคุณ

>> เสริมความมั่นใจไปกับ เหมาจ่าย เอ็กซ์ตร้า คุ้มครองทั้งโรคร้ายแรง โรคระบาด โรคฝีดาษลิง โรคอุบัติใหม่ โรคทั่วไป และอุบัติเหตุ พร้อมดูแลค่ารักษาแบบเหมาจ่ายครึ่งล้าน(1) เบี้ยวันละไม่ถึง 42 บาท(2)

ซื้อความคุ้มครองเพิ่มได้ ทั้งชดเชยรายวัน คุ้มครองกรณีผู้ป่วยนอก OPD หรือคุ้มครองโรคร้าย Multiple CI ก็เลือกได้ตามใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาหรือสูญเสียรายได้หากต้องลาหยุด เลือกจ่ายแบบรายเดือนได้สบาย ๆ ตามที่ไหว

คุ้มครองแบบเหมาจ่ายตามจริง 500,000 บาท(1)
ค่าห้อง 4,000 บาทต่อวัน(1) และรับเพิ่ม 2 เท่า หากเข้าพักในห้อง ICU
คุ้มครองเยอะขนาดนี้ แต่จ่ายเบี้ยประกันภัยแบบสบายๆ เลือกจ่ายแบบรายเดือนก็ได้
ซื้อวันนี้ผ่อนค่าเบี้ยสบาย ๆ 0% นานสูงสุด 6 เดือน หรือรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13%

(1) สำหรับแผนความคุ้มครอง 3 โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่ง

(2) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง 30 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 3 และชำระเบี้ยประกันรายปี

โครงการเหมาจ่าย เอ็กซ์ตร้า เป็นชื่อทางการตลาดของสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพ แบบ เอ็กตร้าแคร์ (N)
ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด

เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
เงื่อนไขเป็นไปตามมาตรฐานและความจำเป็นทางการแพทย์

เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตและธนาคารกำหนด
โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *