เกี่ยวกับเรา ประกันออนไลน์ สมัครประกันออนไลน์


เกี่ยวกับเรา ประกันออนไลน์ สมัครประกันออนไลน์ เมืองไทยประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันชีวิตออนไลน์ ที่ปรึกษาประกันชีวิต

โควิดระลอก 2 5อาชีพไหนที่ควรเตรียมพร้อมไว้ก่อน

โควิดก็ต้องระวัง แต่คนทำงานยังไงก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ ออฟฟิศไหนยังได้ Work from Home ก็สบายใจเพราะไม่ต้องออกไปเจอคนเยอะๆนอกบ้าน แต่ก็มีบางอาชีพที่เสี่ยงมากหน่อย นอกจากเจอคนจำนวนเยอะ โดยเฉพาะ 5 อาชีพนี้

พนักงานตรวจคนเข้าใช้บริการ ไม่ว่าจะตึก อาคาร ห้างสรรพสินค้า หรือรถไฟฟ้า เรียกว่าเป็นอาชีพที่มีคอยดูแลให้เราปลอดภัยแต่ก็มีความเสี่ยงสูงอีกด้วย เพราะต้องเจอคนจำนวนมากๆในแต่ละวัน

พนักงานขาย อย่าง ร้านกาแฟ, ร้านอาหาร หรือ สินค้าในช้อปต่างๆ อย่าง ร้านสะดวกซื้อ ร้านเครื่องสำอาง ร้านเสื้อผ้า แน่นอนว่ายิ่งลูกค้าเยอะๆ เราก็แฮปปี้ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าความเสี่ยงมาคู่กัน โดยเฉพาะต้องระวังในการให้สินค้า หรือตอนรับเงินสดด้วย

พนักงานเดลิเวอรี่ ช่วงนี้ฮอตมาก เพราะช่วยให้เราสะดวกมากๆแล้ว ยังเหมาะกับช่วงอยากกิน แต่ไม่อยากออกนอกบ้าน ตอนนี้ยอดการสั่งเดลิเวอรี่เลยพุ่งขึ้นสูงกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากให้เราอิ่มท้อง แล้วยังเสี่ยงแทนเราด้วย

พนักงานร้านทำผม เสริมความงาม เกี่ยวกับเรา เพราะในการให้บริการ ต้องมีการใกล้ชิดลูกค้ามากกว่าอาชีพอื่นๆ ดังนั้นการทำตามขั้นตอน การใส่มาส์กหรือ เฟซชิลล์ ทั้งตัวลูกค้าและคนให้บริการจึงสำคัญมากๆ

หมอ พยาบาล เพราะต้องใกล้ชิด ดูแลผู้ป่วยที่หลากหลาย เป็นอาชีพที่มีความรับผิดชอบสูงมาก เพื่อให้พวกเราสุขภาพดี แต่ก็มีความเสี่ยงมากเช่นกัน
อย่าปล่อยให้โควิดมาทำให้เราเครียดกับความเสี่ยงต่างๆมากเกินไป เพราะสิ่งที่เราทำได้คือการป้องกันตัวเอง และทำตามขั้นตอนแล้ว เรายังสามารถมีแผนสำรอง ซื้อออนไลน์ได้เลยที่นี่

ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียด ความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง

คปภ. แจงเหตุรถบัสรับทหารเกณฑ์จากสกลนคร ไป อ.สัต**บ พลิกคว่ำที่ จ.ปราจีนบุรี

ได้รับความคุ้มครองจากการประกันภัย

นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากเหตุรถบัสโดยสารประจำทางสายกรุงเทพ-มุกดาหาร หมายเลขทะเบียน 10-4098 นครราชสีมา ระบบเบรกขัดข้องไม่สามารถควบคุมรถได้ทำให้พุ่งชนรถที่อยู่ข้างหน้า 10 คัน แล้วเสียหลักพลิกคว่ำ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 44-45 อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2555 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และได้รับบาดเจ็บ 48 ราย

สำนักงาน คปภ. ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่สำนักงาน คปภ. ภูมิภาค เบื้องต้นทราบว่ารถบัสคันดังกล่าวทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัท ส่งเสริมประกันภัย จำกัด ซึ่งผู้โดยสารที่เสียชีวิต หรือทุพพลภาพอย่างถาวร จะได้รับความคุ้มครองจากการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) 200,000 บาทต่อคน ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และเข้ารักษาที่โรงพยาบาลจะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงรายละไม่เกิน 50,000 บาท

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยผู้ประสบอุบัติเหตุ จึงได้ประสานบริษัท ส่งเสริมประกันภัย จำกัด เพื่อเร่งดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนสำหรับผู้เสียชีวิต และประสานโรงพยาบาลที่รับรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บเพื่อความสะดวกในการจ่ายค่ารักษาพยาบาล ต่อไป และขอให้ประชาชนตรวจสอบวันหมดอายุของกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ก่อนเดินทางทุกครั้ง เพราะหากเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น การทำประกันภัยรถไว้จะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของท่านได้

บอร์ด คปภ. เห็นชอบให้บริษัท ฟีนิกซ์ ขยายระยะเวลาคำสั่งหยุดรับประกันวินาศภัยออกไปอีก 60 วัน

นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ประจำเดือนเมษายน 2555 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้บริษัท ฟีนิกซ์ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (บริษัท ฟีนิกซ์) ขยายระยะเวลาในการแก้ไขฐานะการเงินและการดำเนินงานออกไปอีก 60 วัน นับแต่วันที่ 30 เมษายน

นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ คปภ. ได้มีคำสั่งให้บริษัท ฟีนิกซ์ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555 เป็นต้นไป เนื่องจากบริษัทฟีนิกซ์ฯ ดำรงเงินกองทุนไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด และมีทรัพย์สินน้อยกว่าหนี้สิน ทั้งจัดสรรทรัพย์สินหนุนหลังไม่เพียงพอต่อหนี้สินและภาระผูกพันตามสัญญาประกันภัย และมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวนมาก โดยให้บริษัทดำเนินการจัดทำแผนในการแก้ไขปัญหาฐานะการเงินและการดำเนินงาน รวมทั้งการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 เมษายน 2555 หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยบริษัทจะต้องดำเนินการตามมาตรการและเงื่อนไข อันได้แก่

(1) มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนตามที่กฎหมายกำหนด

(2) จัดสรรสินทรัพย์หนุนหลังให้เพียงพอสำหรับหนี้สินและภาระผูกพันตามสัญญาประกันภัย

(3) ให้ยื่นรายงานประจำเดือน รายงานการดำรงเงินกองทุน และงบการเงินรายไตรมาสที่บริษัท มีหน้าที่ต้องส่งให้ถูกต้อง และครบถ้วน

(4) จ่ายค่าสินไหมทดแทนที่ร้องเรียนกับสำนักงาน คปภ. ให้แล้วเสร็จ

(5) จัดให้มีระบบงานและบุคลากรที่มีคุณภาพและจำนวนที่เหมาะสมเพื่อให้บริการประชาชนและผู้เอาประกันภัยระบบงาน ได้แก่ ความพร้อมในระบบบัญชีการเงิน ระบบการเสนอขายและการพิจารณาการรับประกันภัย ระบบการจัดการค่าสินไหมทดแทน ระบบการบริหารความเสี่ยง เป็นต้น รวมถึงให้มีระบบควบคุมภายในที่เหมาะสมและให้มีคู่มือการปฏิบัติงานของพนักงาน แต่ละระดับเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย

ทั้งนี้ บริษัท ฟีนิกซ์ ได้เสนอแผนในการแก้ไขฐานะการเงิน และขอขยายระยะเวลาการแก้ไขปัญหาในการดำเนินงานออกไป 60 วัน รวมถึงได้นำเงินจำนวน 100 ล้านบาท เข้าบริษัทเพื่อรอการเพิ่มทุน คณะกรรมการ คปภ. พิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุผลสมควร จึงอนุมัติขยายระยะเวลาคำสั่งให้บริษัท ฟีนิกซ์ หยุดรับประกันวินาศภัยออกไปอีก 60 วัน

นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ได้รายงานผลความคืบหน้าการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากเหตุอุทกภัยปลายปี 2554 ข้อมูล ณ วันที่ 15 เมษายน 2555 มีรายละเอียด ดังนี้

1. ประกันชีวิตและอุบัติเหตุ มีผู้เอาประกันภัยที่เรียกร้องค่าสินไหมทดแทน จำนวน 213 ราย คิดเป็นจำนวนเงินเอาประกันภัย 27.24 ล้านบาท ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนครบถ้วนแล้ว

2. ประกันภัยรถยนต์ มีผู้เอาประกันภัยที่เรียกร้องความเสียหาย จำนวน 39,289 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 4,284.71 ล้านบาท ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว จำนวน 37,337 ราย คิดเป็นร้อยละ 93.74 รวมเป็นมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 4,029.69 ล้านบาท และอยู่ระหว่างดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทน จำนวน 2,492 ราย คิดเป็นค่าสินไหมทดแทน 255.01 ล้านบาท

3. ประกันภัยทรัพย์สิน (ที่อยู่อาศัย) มีผู้เอาประกันภัยที่เรียกร้องความเสียหาย 35,916 ราย

คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 3,348.08 ล้านบาท ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว จำนวน 32,136 ราย คิดเป็นร้อยละ 89.48 รวมเป็นมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 2,632.89 ล้านบาท และอยู่ระหว่างดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทน จำนวน 3,780 ราย คิดเป็นค่าสินไหมทดแทน 715.18 ล้านบาท

4. ประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) มีผู้เอาประกันภัยที่เรียกร้องความเสียหาย 12,136 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 479,189.09 ล้านบาท ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว จำนวน 4,466 ราย คิดเป็นร้อยละ 36.79 รวมเป็นมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 191,894.52 ล้านบาท และอยู่ระหว่างดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทน จำนวน 7,670 ราย คิดเป็นค่าสินไหมทดแทน 287,294.55 ล้านบาท

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลข้างต้น บริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับ ผู้เอาประกันภัยแล้ว กว่าร้อยละ 90 ยกเว้นการประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน ที่มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับ ผู้เอาประกันภัย คิดเป็นร้อยละ 36.79 เนื่องจากกรมธรรม์ประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน มีจำนวนทุนเอาประกันภัยที่สูง และมีเงื่อนไขที่ซับซ้อน ประกอบกับมีการทำประกันภัยต่อไปยังต่างประเทศ ซึ่งบริษัทรับประกันภัยต่อต่างประเทศ

มีขั้นตอนในการตรวจสอบรายงาน ความครบถ้วนของเอกสารและหลักฐานก่อนจ่ายค่าสินไหมทดแทน จึงทำให้ต้องใช้ระยะเวลา อย่างไรก็ตาม สำนักงาน คปภ. ได้ตั้งทีมงานติดตามเร่งรัดการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ซึ่งจะดำเนินการเร่งรัดการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกับบริษัทประกันภัยเป็นรายๆ ไป โดยจะขยายการดำเนินการให้เข้าถึงระดับผู้เอาประกันภัย และรายงานของผู้ประเมินความเสียหายวินาศภัยด้วย ทั้งนี้ คาดว่าภายในเดือนกรกฎาคมนี้ บริษัทประกันภัยจะชดใช้

ค่าสินไหมทดแทนได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 ตามเป้าหมายที่วางไว้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186

นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่กฎหมายกำหนดให้ผู้ที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยต้องมีใบอนุญาตและต้องแสดงใบอนุญาตประกอบการเสนอขายประกันภัยทุกครั้ง ส่งผลให้มีผู้ต้องการเข้าสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันภัยเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสถิติการสอบตัวแทน/นายหน้าประกันภัย ในไตรมาส 1 ปี 2555 มีจำนวนผู้สมัครสอบทั้งสิ้น 61,773 ราย โดยสามารถแบ่งเป็น ผู้สมัครสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิต ร้อยละ 76.83 ผู้สมัครสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิต ร้อยละ 8.22 ผู้สมัครสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตเป็นนายหน้า และตัวแทนประกันวินาศภัย ร้อยละ 12.86 และร้อยละ 2.09 ตามลำดับ

ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้สมัครสอบแยกตามประเภท จะเห็นได้ว่าการสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิตมีจำนวนผู้เข้าสอบสูงสุดถึง 47,457 ราย สอบผ่านทั้งสิ้น ร้อยละ 55.36 โดยในจำนวนนี้ ผู้สมัครสอบร้อยละ 61.65 สมัครสอบที่ สำนักงาน คปภ. ส่วนภูมิภาค โดยมีข้อสังเกตว่าเป็นเพราะตลาดการประกันภัยมีอัตราการขยายตัวไปยังภูมิภาคต่างๆของประเทศสูงขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประชาชนในส่วนภูมิภาคมีความตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัย รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนกลุ่มนี้มากขึ้น รองลงมาคือประเภทนายหน้าประกันวินาศภัย (บุคคลธรรมดา) มีผู้สมัครสอบจำนวน 7,946 ราย สอบผ่านทั้งสิ้นร้อยละ 40.74 ตามมาด้วยประเภทนายหน้าประกันชีวิต (บุคคลธรรมดา) มีผู้สมัครสอบทั้งสิ้น 5,080 ราย มีผู้สอบผ่านทั้งสิ้น ร้อยละ 63.87 โดยเมื่อสรุปรวมจำนวนผู้สมัครสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตนายหน้าประกันภัยทั้งสิ้น 13,026 ราย สามารถแบ่งเป็นพนักงานของธนาคารจำนวนถึง 4,874 ราย หรือ คิดเป็นร้อยละ 37.42 ของผู้สมัครสอบทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันภัยผ่านธนาคาร (Bancassurance) กำลังได้รับความนิยมจากประชาชนในวงกว้าง ส่งผลให้ทางธนาคารต้องเร่งพัฒนาบุคลากรให้เพียงพอต่อความต้องการในอนาคต สำหรับประเภทตัวแทนประกันวินาศภัย มีผู้สมัครสอบทั้งสิ้น 1,290 ราย สอบผ่าน ร้อยละ 52.87 โดยจังหวัดที่มีสถิติผู้สมัครสอบสูงสุด 2 อันดับแรก คือ กรุงเทพมหานคร มีผู้สมัครสอบขอรับใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชิวิต และประกันวินาศภัย ทั้งสิ้น 18,769 ราย อันดับที่ 2 คือจังหวัดเชียงใหม่ มีผู้สมัครสอบทั้งสิ้น 2,676 ราย

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่าจากแนวโน้มผู้สมัครสอบขอรับใบอนุญาตตัวแทน/นายหน้าประกันภัยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำนักงาน คปภ. จึงได้วางแผนที่จะเพิ่มช่องทางการรับชำระเงิน เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้สมัครสอบ โดยในเบื้องต้นวางแผนที่จะขยายจุดรับชำระค่าสมัครสอบ และสมัครอบรมจากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 900 แห่ง จากสาขาของธนาคารกรุงไทย เป็นประมาณ 6,000 แห่ง ผ่านช่องทางเพิ่มเติม อาทิ สาขาของธนาคารอื่นๆ จุดรับชำระค่าบริการ และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งคาดว่าเริ่มเปิดให้บริการได้ในเร็วๆนี้

คปภ. ร่วมเสวนา ‘AEC โอกาสหรือวิกฤต…ประกันชีวิตไทย’
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คปภ. ร่วมเสวนา ในหัวข้อเรื่อง “AEC โอกาสหรือวิกฤต…ประกันชีวิตไทย” เพื่อระดมความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการประกันชีวิต ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเตรียมความพร้อมของธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย ในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 ซึ่งจัดขึ้นโดย สมาคมผู้สื่อข่าวสายเศรษฐกิจกับสมาคมประกันชีวิตไทย ณ โรงแรมอิมพิเรียล ควีนส์ปาร์ค กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2555

ส่งเสริมการกำกับธุรกิจประกันภัยระหว่างประเทศ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดยนายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คปภ. ร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลภาคการเงินของประเทศเกาหลีใต้ (The Financial Services Commission : FSC) โดย Mr. Seok-Dong Kim ประธาน FSC ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยระหว่างประเทศไทยและประเทศเกาหลีใต้

นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่าการลงนามบันทึกความเข้าใจในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย และการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการประกันภัยระหว่างหน่วยงานทั้งสอง รวมถึงการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ โดยเฉพาะการร่วมมือพัฒนาบุคลากรประกันภัยให้มีประสิทธิภาพเป็นมาตรฐานสากล ซึ่งในพิธีลงนามได้จัดให้มีการบรรยายภายใต้หัวข้อ “บทเรียนและประสบการณ์จากการเปิดเสรีธุรกิจประกันภัยของประเทศเกาหลีใต้” โดยผู้ทรงคุณวุฒิจากประเทศเกาหลีใต้ Mr. Dae-sik Kim, ประธาน ของ Korean Insurance Research Institute รวมทั้งมีการจัดเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการเตรียมความพร้อมสู่การเปิดเสรีธุรกิจประกันภัย โดยคุณบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) คุณระพี สุจริตกุล ที่ปรึกษา บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด และคุณกี่เดช อนันต์ศิริประภา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทแอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ มีผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังการบรรยายกว่า 200 ท่าน

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่าเนื้อหาการบรรยายและการเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในครั้งนี้เป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจให้ภาคธุรกิจประกันภัยไทยได้เรียนรู้ลัดจากประสบการณ์จริงการเปิดเสรีธุรกิจประกันภัยของประเทศเกาหลีใต้ อีกทั้งยังถือเป็นโอกาสอันดีในการเปิดรับความรู้ เทคโนโลยี และวิทยาการด้านการประกันภัยใหม่ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการจัดทำมาตรการเชิงรุกในการพัฒนาธุรกิจประกันภัยไทยให้มีความมั่นคง อย่างยั่งยืน พร้อมก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2555 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล

>> เสริมความมั่นใจไปกับประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย คุ้มครอง โรคร้ายแรง โรคทั่วไป และอุบัติเหตุ เลือกแผนความคุ้มครองได้ตามต้องการตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 100,000,000 บาท สมัครได้ถึงอายุ 90 ปี คุ้มครองสุขภาพยาว ๆ ต่อเนื่องถึงอายุ 99 ปี* พร้อมลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี

ตัวอย่างค่าเบี้ย เพศหญิงอายุ 35 ปี สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง วันละไม่ถึง 59 บาท

เลือกความคุ้มครองสุขภาพ ดี เฮลท์ พลัส แผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท

โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบครั้งใดครั้งหนึ่ง และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี

เลือกประกันสุขภาพเหมาจ่าย เลือกเมืองไทยประกันชีวิต

ไม่ว่าอาชีพอะไร ไลฟ์สไตล์แบบไหน

เมืองไทยประกันชีวิตเข้าใจทุกความต้องการในแบบคุณ

*เฉพาะสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ อีลิท เฮลท์ พลัส หรือแบบ ดี เฮลท์ พลัส

สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ ต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่
ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด

การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
เงื่อนไขเป็นไปตามมาตรฐานและความจำเป็นทางการแพทย์
เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตและธนาคารกำหนด
โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย

>> เสริมความมั่นใจด้วยประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย คุ้มครอง โรคร้ายแรง โรคทั่วไป และอุบัติเหตุ เลือกแผนความคุ้มครองได้ตามต้องการตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 100,000,000 บาท สมัครได้ถึงอายุ 90 ปี* คุ้มครองสุขภาพยาว ๆ ต่อเนื่องถึงอายุ 99 ปี* พร้อมลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี

ตัวอย่างค่าเบี้ย เพศหญิงอายุ 35 ปี วันละไม่ถึง 59 บาท

เลือกความคุ้มครองสุขภาพ ดี เฮลท์ พลัส แผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท

โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบครั้งใดครั้งหนึ่ง และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี

เลือกประกันสุขภาพเหมาจ่าย เลือกเมืองไทยประกันชีวิต

Whatever’s Next, MTL’s NEXT to You

พร้อมพัฒนาในทุกด้าน เพื่อก้าวเดินไปพร้อมคุณ

>> เสริมความมั่นใจไปกับ เหมาจ่าย เอ็กซ์ตร้า คุ้มครองทั้งโรคร้ายแรง โรคระบาด โรคฝีดาษลิง โรคอุบัติใหม่ โรคทั่วไป และอุบัติเหตุ พร้อมดูแลค่ารักษาแบบเหมาจ่ายครึ่งล้าน(1) เบี้ยวันละไม่ถึง 42 บาท(2)

ซื้อความคุ้มครองเพิ่มได้ ทั้งชดเชยรายวัน คุ้มครองกรณีผู้ป่วยนอก OPD หรือคุ้มครองโรคร้าย Multiple CI ก็เลือกได้ตามใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาหรือสูญเสียรายได้หากต้องลาหยุด เลือกจ่ายแบบรายเดือนได้สบาย ๆ ตามที่ไหว

คุ้มครองแบบเหมาจ่ายตามจริง 500,000 บาท(1)
ค่าห้อง 4,000 บาทต่อวัน(1) และรับเพิ่ม 2 เท่า หากเข้าพักในห้อง ICU
คุ้มครองเยอะขนาดนี้ แต่จ่ายเบี้ยประกันภัยแบบสบายๆ เลือกจ่ายแบบรายเดือนก็ได้
ซื้อวันนี้ผ่อนค่าเบี้ยสบาย ๆ 0% นานสูงสุด 6 เดือน หรือรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13%

(1) สำหรับแผนความคุ้มครอง 3 โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่ง

(2) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง 30 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 3 และชำระเบี้ยประกันรายปี

โครงการเหมาจ่าย เอ็กซ์ตร้า เป็นชื่อทางการตลาดของสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพ แบบ เอ็กตร้าแคร์ (N)
ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด

เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
เงื่อนไขเป็นไปตามมาตรฐานและความจำเป็นทางการแพทย์

เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตและธนาคารกำหนด
โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *